ทส.ยันจำกัดนักเที่ยว ‘สิมิลัน’ ไม่หวั่นผู้ประกอบการต้าน ชี้ไม่อยากซ้ำรอย ‘อ่าวมาหยา’

เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม นายทรงธรรม สุขสว่าง ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติสิมิลัน จ.พังงา นัดชุมนุมเนื่องจากไม่พอใจมาตรการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวในอุทยานฯสิมิลัน ที่เกรงว่าจะส่งผลกระทบธุรกิจการท่องเที่ยว เนื่องจากบริษัทนำเที่ยวบางรายเปิดรับนักท่องเที่ยวจองทัวร์หมู่เกาะสิมิลันไปก่อนหน้ามีประกาศว่า ยืนยันว่ากรมอุทยานแห่งชาติฯต้องดำเนินมาตรการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวในอุทยานฯสิมิลันเพื่อไม่ให้ซ้ำรอยกับปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวทะลักไปถึง 6,000-7,000 คนต่อวัน และเกิดผลกระทบอันเนื่องมาจากเกินขีดความสามารถที่แหล่งท่องเที่ยวจะรับไหว ทำให้พื้นที่เสื่อมโทรม


“อุทยานฯสิมิลันมีห้องน้ำ ห้องสุขา รองรับที่เกาะแปดเพียง 2 หลัง และเกาะสี่ 4 หลัง เท่านั้น ไม่มีพื้นที่สร้างเพิ่มอีกแล้ว ทุกวันที่นักท่องเที่ยวมาวันละหลายพันจะมีคิวยาวมาก และไม่มีเวลาทำความสะอาด ทำให้สกปรกมาก ไม่ต้องพูดถึงสิ่งปฏิกูลที่ถูกทิ้งไว้ในแต่ละวัน รวมทั้งขยะและน้ำเสียที่เกิดจากกิจกรรมการท่องเที่ยว แม้บางส่วนมีการนำกลับโดยผู้ประกอบการ แต่ยังมีขยะตกค้างอีกมากที่อุทยานต้องนำกลับเอง ที่ผ่านมากรมอุทยานแห่งชาติฯมีการจัดประชุมรับฟังความเห็นร่วมกับผู้ประกอบการกลุ่มนี้มากว่า 1 ปี และจากการที่กรมอุทยานแห่งชาติฯทำวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัยแห่งชาติ (สกว.) ได้ข้อสรุปร่วมกันในเรื่องจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปในพื้นที่ คือ แบบไปกลับวันเดียว 3,325 คนต่อวัน แบบดำน้ำลึก 525 คน/วัน หรือบวกลบได้เล็กน้อยในปีแรก รวมทั้งมีมาตรการต่างๆ ควบคุมเรือท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎกติกา ไม่ได้เพิ่งมาประกาศเพียงไม่กี่วันก่อนเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวอย่างที่เข้าใจ” นายทรงธรรมกล่าว


นอกจากนี้ นายทรงธรรมกล่าวว่า ปีผ่านมามีนักท่องเที่ยวในอุทยานฯสิมิลันถึง 9.12 แสนคน เกินศักยภาพที่แหล่งท่องเที่ยวจะรองรับได้
“การดำเนินมาตรการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถยกระดับมาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวสู่สากลตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่จะให้มีการเติบโตด้านเศรษฐกิจภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนได้อย่างที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ได้ หากยังปล่อยให้เข้าไปท่องเที่ยวกันวันละ 6,000-7,000 คน เหมือนที่ผ่านมา สุดท้ายก็จะนำไปสู่ความเสื่อมโทรมและต้องปิดฟื้นฟูไม่มีกำหนดเหมือนอ่าวมาหยา อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ ซึ่งผู้ประกอบการ และคนที่ทำงานด้านท่องเที่ยวจะเดือดร้อนมากกว่านี้ และกรมอุทยานแห่งชาติฯ ไม่อยากให้ปิดแหล่งท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูอีก โดยเฉพาะอุทยานฯสิมิลัน ซึ่งมีความสวยงามโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์มีชื่อเสียงในระดับโลก” นายทรงธรรมกล่าว


นายทรงธรรมกล่าวถึงกรณีผู้ประกอบการระบุว่าการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวในเรื่องโควต้าตั๋วเข้าอุทยานฯจะกระทบต่อผู้ประกอบการ และตัวเลขที่กำหนดโควต้าเป็นเพียงหลักการที่หารือกันในที่ประชุมว่า ยืนยันว่าได้คำนึงถึงผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและรายรายใหญ่ และสามารถหารือกันเพื่อหาตัวเลขที่เหมาะสมอีกครั้งได้ โดยต้องมีการหมุนเวียนนักท่องเที่ยวในแต่ละจุด ไม่ให้เกินจำนวนที่กำหนดไว้ในแต่ละวัน ทั้งนี้แนะนำให้ผู้ประกอบการขึ้นค่าแพคเกจทัวร์ที่ขายให้กับชาวต่างชาติ ชดเชยกับการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นไปตามกลไกของของตลาด ที่สำคัญขณะนี้กรมอุทยานแห่งชาติฯกำลังอบรมไกด์นำเที่ยวเพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมีผู้สนใจสมัครเข้ารับการอบรมแล้วเกือบ 1 หมื่นคน
นายทรงธรรมกล่าวว่า ล่าสุด กรมอุทยานแห่งชาติฯได้เปิดสำรวจความคิดเห็นของประชาชน “1 เสียงของท่าน คือ 1 เสียงในการอนุรักษ์และบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติ” โดยเชิญชวนประชาชนร่วมแสดงความเห็นต่อการขยายเวลาฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ โดยยังคงปิดแหล่งท่องเที่ยว “อ่าวมาหยา และ อ่าวโล๊ะซามะ” อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราฯ ซึ่งสามารถร่วมแสดงความเห็นและดูสรุปผลแบบเรียลไทม์ได้ที่ http://bit.ly/2y3J2sj หรือร่วมแสดงความเห็นผ่าน https://www.facebook.com/1608062546175314/posts/2109371246044439/ ล่าสุดมีผู้ร่วมแสดงความเห็นกว่า 1.2 หมื่นคน และเห็นด้วยถึงร้อยละ 92.8

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image