เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก แถลงข่าวการจัดงานสัปดาห์วันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติประจำปี 2561 ว่า ในวันที่ 29 ตุลาคมของทุกปี เป็นวันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ ซึ่งปีนี้จัดเป็นปีที่ 3 แล้ว โดยปีนี้กรมฯ ได้ร่วมกับทางวัดโพธิ์ พร้อมเครือข่ายต่างๆ กำหนดจัดงานสัปดาห์วันภูมิปัญญาทางแพทย์แผนไทยแห่งชาติ ขึ้น ระหว่างวันที่ 25-29 ตุลาคมนี้ ที่ วัดโพธิ์ ซึ่งในปีนี้จะมีการเปิดตำรับยาของชาติ จากจารึกวัดโพธิ์ ทั้งกลุ่มยาเด็กและผู้ใหญ่ จำนวน 9 ตำรับ คือ ยาอินทร์ประสิทธิ์ แก้ลมบำรุงหัวใจ ยาแผ้วฟ้า แก้ละอองไอในปากและคอ ยากำลังราชสีห์ บำรุงโลหิต ยาประสะน้ำมะนาว แก้หอบหืด แก้ไอ ยาฆ้องไชย แก้เสียงแหบแห้ง เสมหะเหนียว ยาประคบแก้ปวดเมื่อย คลายเส้น ฟกบวมเคล็ดขัดยอก ยาพรหมพักตร์ ขับเลือดเสีย ยาสนั่นไตรภพ แก้กษัยขับลม และยาหทัยวาตาธิคุณ แก้โรคลม
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีสูตรตำรับสนั่นไตรภพ เป็นสูตรที่ในอดีตเคยผสมใส่กัญชา เพื่อนำมารักษาโรคได้ นพ.มรุต กล่าวว่า ยาสนั่นไตรภพ ซึ่งทางการแพทย์แผนไทยมีการนำกัญชามาผสมเพื่อใช้ในการบำบัดโรคได้ แต่เมื่อปัจจุบันยังไม่ปลดล็อกทางกฎหมาย จึงมีการยกเลิกการใช้ส่วนผสมแบบดั้งเดิมไป อย่างไรก็ตาม รัฐบาลกำลังมองว่า กัญชาที่จะมาใช้ในปัจจุบันจะดำเนินการอย่างไร โดยเจ้าของเรื่องหลัก คือสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) มีการพูดคุยหลายรอบ ขณะเดียวกัน นพ.โสภณ เมฆธน ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ในฐานะคณะกรรมการพิจารณาการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ซึ่งได้รับฉันทานุมัติจากรัฐมนตรีฯ ให้เป็นผู้ที่ดำเนินการเรื่องนี้ โดยบูรณาการจากทุกส่วน ทุกกรมที่เกี่ยวข้อง
“ในส่วนของกรมการแพทย์แผนไทยฯ จะเสนอ 4 ตำรับ คือ ตำรับศุขไสยาศน์ ตำรับทำลายพระสุเมรุ ตำรับน้ำมันสนั่นไตรภพ และตำรับทัพยาธิคุณ เพื่อประสานและเสนอขอให้คลายล็อกกัญชาเพื่อใช้ทางการแพทย์ เพื่อทำการศึกษาและดูผลจากการรักษาดีอย่างไร ที่สำคัญวิธีการควบคุมให้กัญชาเพื่อใช้เป็นยาจะต้องทำอย่างวงจำกัดด้วย ซึ่งในทางการแพทย์แผนปัจจุบันยอมรับแล้วว่ากัญชาใช้ทางการแพทย์ หลักๆคือ การเกร็งของกล้ามเนื้อ การชักต่างๆ กลุ่มแก้ปวด ของกลุ่มมะเร็งต่างๆ ส่วนการแพทย์แผนไทยฯ จะได้รับการปลดล็อกมากน้อยอย่างไรก็ต้องรอการพิจารณา” นพ.มรุต กล่าว
นพ.ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันการแพทย์แผนไทย กล่าวว่า ขณะนี้เตรียมเสนอตำรับแพทย์แผนไทย 4 ตำรับที่มีกัญชาเป็นส่วนผสมเพื่อขอปลดล็อกทางกฎหมาย ได้แก่ 1.ตำรับศุขไสยาศน์ เป็นยาแคปซูลหรือลูกกลอน มีสรรพคุณช่วยนอนหลับ แก้ปวด เจริญอาหาร โดยจะใช้ทดแทนกลุ่มยานอนหลับ ยาคลายเครียด 2.ตำรับทำลายพระสุเมรุ เป็นยาแคปซูลหรือลูกกลอน มีฤทธิ์ช่วยทำลายอาการแข็งเกร็ง ใช้รักษาอัมพาต อัมพฤกษ์ 3.ตำรับทัพยาธิคุณ เป็นยาแคปซูลหรือลูกกลอน สรรพคุณใช้รักษาโรคเบาหวาน ลดน้ำตาล เนื่องจากทางแพทย์แผนไทยจะมองว่า โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เป็นกลุ่มที่เรียกว่ากษัย ซึ่งตัวนี้จะช่วยได้และ4.น้ำมันสนั่นไตรภพ มีสรรพคุณแก้ท้องมาน จากมะเร็งตับ และช่วยเรื่องขับลม
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในกรณีที่ปลดล็อกกัญชาด้วยการเสนอให้คณะกรรมการควบคุมยาเสพติด โดยอย.พิจารณาปรับจากยาเสพติดประเภท 5 เป็นประเภท 2 จะมีผลต่อสูตรตำรับแพทย์แผนไทยหรือไม่ ที่ใช้ดอก ใช้ใบ นพ.ขวัญชัย กล่าวว่า กำลังพิจารณา แต่ของเดิมแม้จะใช้ดอก ยอด ใบ แต่เมื่อนำมาต้มเป็นน้ำ ก็จะกลายเป็นยาต้มบรรจุขวด ซึ่งไม่สามารถนำไปใช้ผิดประเภทได้อีก หรืออาจสกัดในรูปผงและนำมาบรรจุเป็นแคปซูล แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบไหนก็จะถูกควบคุมหมดโดย อย.
เมื่อถามว่าขณะนี้ยังปลดล็อกอยู่ แนวทางของกรมแพทย์แผนไทยฯ จะดำเนินการอย่างไรนอกจากเสนอ 4 สูตรตำรับ นพ.ขวัญชัย กล่าวว่า จริงๆมีการเตรียมการควบคู่ระหว่างรอการปลดล็อก โดยต้องหาแหล่งที่ปลูก ซึ่งกำลังทำเรื่องขอทาง อย. ซึ่งตามตำราระบุว่า กัญชาสายพันธุ์ไทยปลูกบริเวณเชิงเขาภูพาน บริเวณลุ่มน้ำสงคราม ซึ่งอยู่ในจ.นครพนม สกลนคร และมุกดาหาร เบื้องต้นได้ประสานมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร ในการขอใช้พื้นที่ 2 ไร่ เพื่อทำการปลูกในระบบควบคุม เพื่อนำมานำเป็นสูตรตำรับยาแพทย์แผนไทยในอนาคต
“สิ่งหนึ่งที่กังวลคือหากมีการเข้มงวดมากจะกลายเป็นว่าสารสกัดยาเสพติดประเภท 2 จะเป็นสารสกัดที่นำเข้าหรือผลิตโดยต่างประเทศทั้งหมดเพราะประเทศไทยยังไม่มีอุตสาหกรรมหรือโรงงานที่ทำได้ ซึ่งจะทำให้เราเสียเปรียบ ซึ่งจากนี้เราจะมีการเก็บข้อมูลเรื่องกัญชาเป็นสารเสพติดโดยจะมีการติดตามผลเมื่อจ่ายผู้ป่วยไปแล้วมีการติดหรือไม่ ซึ่งจะศึกษาในผู้ป่วย 100 ราย และหากมีผลที่ดีคือมีสรรพคุณที่ดีปลอดภัยไม่ทำให้เสพติดก็จะขยายโดยการเก็บข้อมูล1,000 ราย หากผลดีก็จะต่อยอดไปขึ้นในทะเบียนบัญชียาหลักแห่งชาติ ของแพทย์แผนไทย เพื่อให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างกว้างขวาง ซึ่งต้องรอปลดล็อกก่อน” นพ.ขวัญชัย กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีตำรับยาสนั่นไตรภพ เมื่อไม่มีกัญชาผสม ทำให้ประสิทธิภาพการรักษาลดลงหรือไม่ ภญ.คลิชา ชั่งสิริพร เภสัชกรประจำโรงพยาบาลอู่ทอง จ.สุพรรณบุรี กล่าวว่า ในสูตรตำรับมีหลายชนิด กัญชาเป็นหนึ่งในนั้น จริงๆยาที่ใช้อยู่ทุกวันนี้มีหลายตำรับมีกัญชามาก่อน แต่เนื่องจากปัจจุบันติดล็อกอยู่ จึงต้องตัดกัญชาออกไป ซึ่งเราไม่ได้ใช้ยาที่มีกัญชามานานมากแล้ว จึงไม่มีการเปรียบเทียบว่าหากมีหรือไม่มี แบบไหนมีประสิทธิภาพมากกว่ากัน ส่วนที่ยังติดล็อกทางกฎหมายอยู่นั้น ก็เป็นเรื่องของนโยบาย ซึ่งต้องรอลุ้นว่าผู้ใหญ่จะปลดล็อกได้หรือไม่ ก็ต้องรอดูว่าจะเป็นข่าวดีของวงการแพทย์หรือไม่
ภญ.คลิชา กล่าวว่า ส่วนอีก 8 ตำรับ ประกอบด้วย 1.กลุ่มยาลม มี 2 ตำรับ คือ ยาอินทร์ประสิทธิ์ และยาหทัยวาตาธิคุณ มีสรรพคุณ ช่วยบำรุงหัวใจให้ชุ่มชื่น 2.กลุ่มยาสตรี มี 2 ตำรับ คือ ยากำลังราชสีห์ และ ยาพรหมพักตร์ มีสรรพคุณช่วยบำรุงและขับโลหิต เลือดร้ายต่างๆ เพราะปัจจุบันพบว่าสตรีมีปัญหาเรื่องระบบโลหิต สังเกตได้จากฝ้าบนใบหน้า ที่สื่อให้เห็นว่าระบบโลหิตมีปัญหา อย่างไรก็ตามสตรีที่สนใจควรปรึกษาผู้มีความรู้ เพื่อตรวจหาความบกพร่องทางระบบโลหิต เพื่อได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง 3.กลุ่มยาขับลม มี 2 ตำรับ คือ ยาประสะน้ำมะนาวและยาฆ้องไชย มีสรรพคุณ ขับลม แก้ไอ ขับเสมหะเหนียว 4.กลุ่มยาประคบ เป็นตำรับของศิลาจารึกวัดโพธิ์ มีสมุนไพรสรรพคุณดีหลายชนิดอยู่ในลูกประคบนี้ 5.กลุ่มยาเด็ก คือ ยาแผ้วฟ้า เป็นตำรับยาใช้กวาดในคอเด็ก มีสรรพคุณช่วยรักษาโรคซางต่างๆ ที่ใช้มาตั้งแต่โบราณ ซึ่งมีตำรับยาที่ดูแลตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงผู้สูงอายุ ทั้งนี้ รพ.อู่ทอง ที่มีการพัฒนายาเบญจอัมฤทธิ์รักษามะเร็งตับ ก็กำลังมีแผนนำตำรับยาสนั่นไตรภพมาใช้ร่วมกับยาเบญจอำมฤตย์ เพื่อใช้ในการรักษามะเร็งตับด้วย