ปัญหา ‘ผมร่วง’ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ศึกษาก่อน รักษาถูกวิธี

ในปัจจุบัน มีศูนย์ สถาบันคลินิก ดูแลเส้นผม ให้คำปรึกษาด้านเส้นผมเกิดขึ้นหลายแห่งทั้งในห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล หรือศูนย์เส้นผมต่าง ๆ ทุกแห่งต่างประกาศตัวว่าสามารถช่วยแก้ไขปัญหาให้เส้นผมกลับมาดกดำได้ทุกรูปแบบ แถมบางแห่งยังรับรองผล 100 เปอร์เซ็นต์ ก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ก่อนที่จะเลือกรับการบริการหรือการรักษาด้วยวิธีใดๆ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ได้ให้ความรู้ เพื่อศึกษารายละเอียดเรื่องเส้นผม ซึ่งจะช่วยในเรื่องการตัดสินใจ

โดย รศ.นพ.ป่วน สุทธิพินิจธรรม นายกสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ให้ความรู้ว่า เส้นผมบนศีรษะคนเรามีอยู่ประมาณ 100,000 เส้น จำนวน 90% อยู่ในระยะเจริญเติบโตจะแบ่งตัวสร้างเส้นผมนาน 3-6 ปี อีก 10% อยู่ในระยะหยุดโตประมาณ 10,000 เส้น เมื่อหยุดโตเส้นผมจะยังคงอยู่บนศีรษะอีก 100 วัน แล้วจะค่อยๆ หมุนเวียนหลุดไปแล้วจะกลับเข้าสู่ระยะเจริญเติบโตใหม่

ดังนั้น คนทุกคนจะมีผมร่วงได้วันละ 100 เส้น ในวันที่สระผม เส้นผมก็จะร่วงมากกว่าวันปกติ สาเหตุของผมร่วง เกิดจากหลายปัจจัย ได้แก่ 1.เผ่าพันธุ์ เพศและอายุ 2.เชื้อโรคที่เล่นงานเส้นผมโดยตรงหรือเป็นผลทางอ้อม เช่น เป็นโรคติดเชื้อที่อวัยวะอื่น แล้วทำให้เกิดผมร่วงผิดปกติตามมาภายหลังนาน 3 เดือน 3.สารเคมี เช่น ยาชนิดต่างๆ สารพิษปนเปื้อนในอาหารและน้ำ 4.โรคตามระบบต่างๆ เช่น โรคไตวาย โรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ และ 5.จิตใจเศร้าหมองอย่างรุนแรงและเฉียบพลันจนถึงตกใจอย่างรุนแรง เช่น ถูกผีหลอกทำให้ผมร่วงหัวโกร๋นได้ เป็นต้น

Advertisement

คำถามมีอยู่ว่าจะรู้ได้อย่างไรว่าผมร่วงมากผิดปกติ?
ผมร่วงนั้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าผมหลุดร่วงมากเกิน 100 เส้นต่อวันติดต่อกันนานหลายๆ วัน แสดงว่ามีผมร่วงผิดปกติ ซึ่งต้องมาสืบหาเหตุและปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ภาวะผมร่วงและผมบางลงหรือภาวะผมร่วงเป็นหย่อมเฉพาะที่ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.ภาวะผมร่วงเป็นหย่อม และ 2.ภาวะผมร่วงทั่วศีรษะ ทั้ง 2 ภาวะ สามารถแบ่งแยกย่อย ได้ดังนี้

1.ภาวะผมร่วงเป็นหย่อม แบ่งเป็น

1.1.ผมร่วงเป็นหย่อมเฉพาะที่ชนิดไม่มีแผลเป็นที่หนังศีรษะ ที่พบบ่อยๆ ได้แก่

1.1.1.ผมร่วงเป็นหย่อมๆ จากเชื้อรา พบมากในเด็ก ลักษณะผมจะร่วงเป็นกระจุก ผิวหนังในบริเวณที่ผมร่วงจะมีขุยหรือสะเก็ดบางครั้งจะมีผื่นแดง จะวินิจฉัยได้แน่นอนต้องตรวจพบสายเชื้อราจากขุยหรือเส้นผมที่ศีรษะ

การรักษาต้องใช้ยารับประทาน ยาทาไม่สามารถกำจัดเชื้อราได้หมด

1.1.2.ผมร่วงเป็นหย่อมๆ จากการดึงผมตนเอง พบมากในเด็กที่มีความเครียดและเมื่อไม่มีทางระบายออกจึงดึงผมตนเอง เมื่อใช้มือลองดึงเส้นผมดู เส้นผมจะไม่หลุดติดมือออกมาง่ายๆ เหมือนโรคผมร่วงจากเชื้อรา การรักษาต้องอาศัยความเข้าใจถึงสาเหตุของโรคและเข้าใจปัญหาของผู้ป่วย อาจต้องปรึกษาจิตแพทย์ร่วมในกระบวนการดูแลรักษาด้วย นอกจากนี้ การทายาครีมสเตียรอยด์ร่วมกับรับประทานยาต้านฮีสตามีน จะช่วยให้อาการดีขึ้น

1.1.3.ผมร่วงเป็นหย่อมๆ จากโรคภูมิแพ้รากผม (alopecia areata) จะมีภาวะระบบภูมิคุ้มกันร่างกายรวน มีเซลล์เม็ดเลือดขาวมารบกวนรากผมทำให้เซลล์รากผมหยุดทำงาน เส้นผมจะหายไปเป็นหย่อมๆ ผิวหนังบริเวณที่ไม่มีเส้นผมจะเรียบไม่พบตอ เส้นผมหักหรือเป็นตุ่มที่ผิวหนัง

วิธีการรักษา ใช้ยาสเตียรอยด์ทา กินหรือฉีดเข้าบริเวณที่ผมหลุดร่วงไป เมื่อได้ผลแล้วต้องใช้ยาต่อไป เพราะถ้าหยุดยาผมที่งอกขึ้นมาจะกลับบางลงเหมือนเดิม ภาวะนี้จะแตกต่างจาก 2 โรคข้างต้น โดยทั่วไปอาจพบผมหลุดร่วงเป็นหย่อมเดียวหรือหลายหย่อม ในรายที่อาการรุนแรงผมจะร่วงทั้งศีรษะ (alopecia totalist) และถ้ารุนแรงที่สุดผมและขนตามตัวจะร่วงหมดเหมือนพญาไร้ใบ (alopecia universalis) การรักษาควรปรึกษาแพทย์

1.2.ผมร่วงเป็นหย่อมชนิดที่มีแผลเป็นบนหนังศีรษะ เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น โรคฝีหนองบนศีรษะ เชื้อกลากที่ศีรษะชนิดที่มีการอักเสบรุนแรง แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก โรคดี.แอล.อี ที่หนังศีรษะ ส่วนใหญ่รากผมจะถูกทำลายอย่างมาก จนไม่สามารถสร้างเส้นผมใหม่ขึ้นมาทดแทนเส้นผมเดิมได้และเกิดพังผืดในชั้นหนังแท้ร่วมด้วยการรักษาควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องก่อนให้การรักษาด้วยยา

2.ภาวะผมร่วงทั่วศีรษะ ที่พบบ่อยๆ คือ

2.1.ผมร่วงจากพิษไข้ (Telogen effluvium) คนกลุ่มนี้เส้นผมบนศีรษะเปลี่ยนจากระยะเติบโตไปเป็นระยะหยุดเจริญเติบโต ผมจึงหลุดร่วงมากผิดปกติ เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น โรคติดเชื้อชนิดต่างๆ ทำให้ร่างกายมีไข้สูง เช่น ไข้ไทฟอยด์
ไข้มาลาเรีย ไข้หวัดที่มีไข้ติดต่อกันหลายวัน ยาชนิดต่างๆ เช่น ยากลุ่มอนุพันธุ์วิตามินเอ นอกจากนี้ ยังพบในสตรีหลังคลอดบุตรภาวะเครียดหรือตกใจอย่างรุนแรง อาการผมร่วงจะค่อยๆ ดีขึ้นเองภายในเวลา 1 ถึง 2 เดือน

2.2.ผมร่วงทั่วศีรษะจากการติดเชื้อซิฟิลิสระยะที่ 2 ผมจะร่วงเป็นหย่อมๆ ทั่วศีรษะคล้ายมอดแทะ การวินิจฉัยที่แน่นอนต้องอาศัยการตรวจเลือดหา VDRL

2.3.ผมบางจากพันธุกรรมและฮอร์โมนเพศ จะเกิดอาการรากผมค่อยๆ เปลี่ยนแปลงจากผมเส้นใหญ่เป็นผมเส้นเล็ก ถ้าเกิดในผู้ชาย ผมจะบางลงมากในบริเวณกลางศีรษะ ส่วนผู้หญิง ผมจะบางลงบริเวณกลางศีรษะเช่นเดียวกัน แต่จะไม่ล้านเตียนโล่งแบบผู้ชาย การรักษา ภาวะผมบางชนิดนี้จะใช้ยาปลูกผมซึ่งมีหลายชนิดทั้งชนิดทา และรับประทาน (ชนิดรับประทานแต่ไม่เหมาะกับผู้หญิงเพราะเมื่อรับประทานแล้วจะทำให้ขนขึ้นตามตัว มีหนวดเครายาวผิดปกติ ผู้หญิงจึงควรใช้ยาปลูกผมชนิดนี้เพื่อทาเท่านั้น) ปัจจุบันมียากลุ่มนี้ 2 ชนิด คือ Minoxidil และ Fenesterid

2.4.ผมร่วงจากการรับประทานยาขับปัสสาวะ (Spironolactone) ยาขับปัสสาวะชนิดนี้ จะใช้ลดความดันโลหิตและความดันในลูกตามีฤทธิ์ต้านการทำงานของฮอร์โมน androgen ทำให้เส้นผมไม่เปลี่ยนเป็นขนาดเล็ก ซึ่งต้องระมัดระวังการใช้ยาชนิดนี้เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงของยา จึงควรได้รับการดูแลจากแพทย์
เมื่อมีความรู้ความเข้าใจพอควรแล้วก็เชิญเลือกผู้ดูแลรักษาเส้นผมของท่านตามปรารถนา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image