| เผยแพร่ |
|---|
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้มีการยกร่างพ.ร.บ.ยา พ.ศ….ขึ้น เพื่อปรับปรุงให้มีความทันสมัย หลังจากที่พ.ร.บ.ยาฉบับเดิมมีการใช้มาตั้งแต่ปี2510 ซึ่งมีหลายมาตราไม่ทันต่อการควบคุมดูแล อีกทั้งยังเป็นอุปสรรคต่อการขึ้นทะเบียนยาล่าช้า ซึ่งแม้ว่าจะมีความพยายามในการแก้ไขมาหลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ ทำให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ออกมาตรา 44 เพื่อปลดล็อกการขึ้นทะเบียนให้เร็วขึ้น และนำมาซึ่งการแก้ไขร่างพ.ร.บ.ยาครั้งล่าสุดนี้ อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่มีการยกร่างพ.ร.บ.ยาฉบับนี้ได้มีกระแสต่อต้านออกมาจากหลายภาคส่วน อาทิ เครือข่ายเภสัชกร วิชาชีพพยาบาล โดยครั้งล่าสุดทางเครือข่ายเภสัชฯ เรียกร้องให้ตัดทิ้งมาตราตัดทิ้งมาตรา24 (3) ที่กำหนดให้คนที่ผ่านการอบรมกับอย.สามารถขายปลีกยาที่ไม่ใช่ยาตามใบสั่งและยาที่ต้องจ่ายโดยใบสั่งได้ และมาตรา 25 (6) เรื่องใบอนุญาตการขายปลีกยาที่ไม่ใช่ยาตามใบสั่งและยาที่ต้องจ่ายโดยใบสั่งได้ ที่อาจเปิดช่องให้นายทุนสามารถเปิดร้านยาสายพันธุ์ใหม่ และมาตรา 117 ให้คลินิกเอกชนทั้งหมดสามารถจ่ายยาโดยไม่ต้องมีเภสัชฯนั้น
เมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ได้มีการลงนามในหนังสือ ด่วนที่สุด เลขที่ สธ.1009.3.1/4030 ลงวันที่ 22 ต.ค. ส่งถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อขอถอนร่างพ.ร.บ.ยา พ.ศ….ออกจากวาระการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีไปก่อน เพื่อดำเนินการทบทวนและปรับปรุงร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวในบางมาตรา ให้เกิดความเหมาะสมและชัดเจนมากยิ่งขึ้นในสถานการณ์ปัจจุบัน
นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า เนื่องจากว่าร่างพ.ร.บ ยาที่ยื่นเข้าไปยังพบว่ามีความเห็นต่างกันอยู่ ซึ่งอะไรที่ยังมีความเห็นต่าง ถ้าทำต่อก็จะมีแต่ทำให้เกิดความขัดแย้งไปเรื่อยๆ ดังนั้นจึงถอนออกมาก่อนเพื่อคุยกันใหม่จับเอาเฉพาะประเด็นที่เห็นต่างกันอยู่นั้นมาคุย ไม่ใช่พิจารณาใหม่ทั้งฉบับ โดยจะเชิญภาคประชาชน อาจารย์มหาวิทยาลัย เภสัชกร มาร่วมพูดคุยและมีการพิจารณาโดยเร็วคาดว่า จะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อให้เป็นกฎหมายที่มีความทันสมัย ไม่เอื้อผลประโยชน์ให้กับใคร แต่เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน มีการคุ้มครองประชาชนอย่างครอบคลุมรอบด้าน
