เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจติดตามความคืบหน้าโครงการทางลอดพัฒนาการ-รามคำแหง-ถาวรธวัช ภายหลังงานก่อสร้างมีความล่าช้ากว่าแผนกำหนดไว้ ว่า โครงการทางลอดพัฒนาการฯ จะช่วยแก้ปัญหารถติด ลดจุดตัดถนนบริเวณทางแยกช่วงถนนพัฒนาการ ถนนรามคำแหง ถนนศรีนครินทร์และถนนใกล้เคียงให้มีความคล่องตัวยิ่งขึ้น โดย กทม.ได้ว่าจ้าง กิจการร่วมค้า เอสเทคซีวิลแอนด์คอนสตรัคชันและบีซีดีซี วงเงินประมาณ 760 ล้านบาท เริ่มต้นสัญญาจ้างตั้งแต่วันที่ 21 เมษยายน 2559 ระยะเวลาก่อสร้าง 720 และสัญญาสิ้นสุดเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2561 แต่ติดขัดปัญหาการลงนามคู่สัญญากับหน่วยงานสาธารณูปโภค งานก่อสร้างจึงล่าช้าและต้องขยายเวลาออกไปประมาณ 6 เดือน โดยเริ่มก่อสร้างจริงประมาณเดือนตุลาคม 2559
นายจักกพันธุ์ กล่าวว่า เนื่องจากมีประชาชนร้องเรียนถึงปัญหาการจราจรติดขัดจำนวนมากบริเวณดังกล่าว กทม.จึงต้องเร่งรัดให้ผู้รับเหมาเดินงานก่อสร้างให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ปัจจุบันงานคืบหน้าร้อยละ 57.12 ขณะนี้เหลืองานก่อสร้าง ประกอบด้วย งานขุดดินภายในอุโมงค์ทางลอดที่เหลืออยู่ 8,000 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ส่วนนี้ผู้รับเหมารับปากจะขนดินให้ได้วันละ 1,000 ลบ.ม. เพื่อให้แล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม จากนั้นก็จะดำเนินการก่อสร้างพื้นถนนและหลังคาของอุโมงค์ทางลอด โดยกำชับให้แล้วเสร็จภายใน 15 พฤศจิกายน รวมถึงงานระบบภายในอุโมงค์ อาทิ ระบบระบายอากาศ ปั๊มน้ำ ตีเส้นแบ่งการจราจร ฯลฯ จะเร่งรัดให้เสร็จในวันที่ 30 พฤศจิกายน โดย กทม.ให้ผู้รับเหมาเริ่มทดสอบระบบ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม เพื่อเปิดใช้งานอุโมงค์ในวันที่ 5 ธันวาคมนี้ ส่วนภาพรวมงานจะเสร็จสมบูรณ์ร้อยละ 100 คาดเป็นเดือนมีนาคม 2562
นายจักกพันธุ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการเปิดใช้อุโมงค์ทางลอด เบื้องต้นจะกำหนดเวลาเปิด-ปิด โดยจะเปิดใช้ระหว่างเวลา 05.00-23.00 น. เท่านั้น เพื่อบรรเทาปัญหารถติดชั่วโมงเร่งด่วน หลังจากนั้นจะปิดทำการก่อสร้างงานเก็บรายละเอียดอื่น เช่น งานตกแต่ง งานปรับปรุงผิวจราจรและทางเท้า เป็นต้น โดย กทม.รับปากจะเร่งรัดผู้รับเหมาก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามกำหนด
