เสธ.กอ.รมน.ฟิวส์ขาด โพสต์ รักษาป่าไว้ไม่ได้ก็ยกให้นายทุนไปเลย “บิ๊กเต่า” นั่งไม่ติด สั่งตรวจสอบทันทีสร้างสวนน้ำบนเขา

วันที่ 29 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการวิพากวิจารณ์อย่างหนักมากเรื่องที่ พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศูนย์ปฏิบัติการที่ 4 (ศปป.4) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) ได้ส่งไลน์เพื่อระบายความอัดอั้นตันใจที่เห็นการทำงานของระบบราชการที่ล่าช้า และไม่สอดคล้องกับการปฏิบัติการเพื่อดำเนินการกับนายทุนที่รุกป่า โดย พ.อ.พงษ์เพชร ได้โพสต์ ข้อความที่ว่า

พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ

“…ผมหดหู่ใจ และเศร้าใจมากที่รักษาป่าต้นน้ำป่าสักผืนนี้ไว้ไม่ได้……ผมเห็นภาพที่มีคนไปร่วมงานเปิดโครงการสวนน้ำ บริเวณภูขี้ไก่ รอยต่อของ อ.หล่มเก่า และ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ พื้นที่ประมาณ 1,800 ไร่ ที่ออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ และการเพิกถอนล่าช้าทำให้สูญเสียพื้นที่ป่าจำนวนมาก..ถึงเวลาหรือยังครับ..ถ้าช้ากว่านี้ป่าต้นน้ำป่าสักหมดแน่นอน ผมขอวิงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจริงใจในการแก้ไขปัญหาให้มากกว่านี้ ต้องช่วยกันต่อสู้กับขบวนการฟอกป่า กว่าเราจะทวงคืนมายากอยู่แล้ว…ถ้าไม่ช่วยกันป้องกัน..ผมว่ายกให้กลุ่มทุนไปเลยดีกว่า ผมตรวจสอบพบ เมื่อ 3-4 ปีที่แล้วสภาพป่ายังสมบูรณ์อยู่ แต่ปัจจุบันสภาพเป็นดังภาพถ่าย ผมขอให้เครือข่ายกลุ่มอนุรักษ์ป่า ทุกภาคส่วนมาช่วยกันครับ”

Advertisement

หลังจากข้อความนี้ถูกกระจายออกไป ปรากฏว่า พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ได้สั่งการให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบและเร่งดำเนินการตามกฏหมายให้เร็วที่สุด

 

พ.อ.พงษ์เพชร ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม นายทุนจากภาคใต้ ที่เคยเข้าไปบุกรุกพื้นที่ป่าบริเวณ อ.หล่มเก่า จำนวน 46 แปลง อ.หล่มสัก 11 แปลง จำนวน 2,195 ไร่ 2 งาน 11 ตารางวา ทั้งหมด 57 แปลง รวมพื้นที่ 2,195 ไร่ 2 งาน 11 ตารางวา มีเอกสารสิทธิ์เป็นโฉนด มีผู้ครอบครองหลายราย เป็นนายทุนที่อยู่พื้นที่ภาคใต้ โดยก่อนหน้านี้่ เมื่อปี 2557 ทางกรมป่าไม้ ร่วมกับ ศปป.4 เข้าไปตรวจสอบแล้ว พบว่าบริเวณพื้นที่ที่เรียกว่าภูขี้ไก่เนื้อที่ 1,800 ไร่ มีการออกเอกสารสิทธิ์เมื่อปี 2542 จำนวน 58 แปลง แต่เมื่อตรวจสอบจากภาพถ่ายทางอากาศย้อนหลังแล้ว รวมทั้งจากการที่ตนได้ลงพื้นที่สำรวจเองก็พบว่า ไม่มีร่องรอยการทำประโยชน์มาก่อนยังเป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก นอกจากนี้สภาพยังเป็นพื้นที่ภูเขาอีกด้วย จากนั้นยังได้ทำการตรวจสอบไปยังกรมพัฒนาที่ดินกระทั่งมีการยืนยันว่า พื้นที่บริเวณนี้เป็นพื้นที่ภูเขาไม่สามารถที่จะออกเอกสารสิทธิ์ได้ เพราะไม่ได้มีการยึดถือครอบครองหรือทำประโยชน์มาก่อน แต่พื้นที่ป่าบริเวณนี้ซึ่งอยู่ฝั่งขวาหรือฝั่งตะวันตกของแม่น้ำป่าสัก ไม่ได้มีการประกาศเป็นพื้นที่เขตป่าสงวนฯมาก่อน ทั้งที่เขตพื้นที่ป่าฝั่งซ้ายหรือฝั่งตะวันออกของแม่น้ำป่าสักก็มีการประกาศเป็นเขตป่าสงวนฯ จึงทำให้สภาพป่าเป็นเพียงแค่ป่าตาม พ.ร.บ.ป่าไม้.พ.ศ.2484 เท่านั้น จึงเป็นช่องทางที่ทำให้ผู้ที่มีอาศัยช่องว่างตรงนี้ ซึ่งอยากจะใช้คำว่าเป็นขบวนการ โดยอาจจะมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยอย่างแน่นอน เพราะมีการออกโฉนดในลักษณะเป็นการเดินสำรวจ แต่ทั้งนี้ก็ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าต้องมี ร่องรอยของการทำประโยชน์มาก่อน และต้องไม่เป็นพื้นที่ต้องห้าม

“ มีเจ้าหน้าที่ของรัฐบางคนอาศัยช่องว่างในการออกโฉนด ทั้งที่ไม่มีร่องรอยของการทำประโยชน์มาก่อน ประเด็นนี้ก็ได้มีการส่งเรื่องไปให้ทางกรมป่าไม้เมื่อหลายปีก่อน หลังจากนั้นก็ได้พยายามติดตามเฝ้าระวังพื้นที่บริเวณนี้มาโดยตลอด ก็ยังไม่ปรากฏว่ามีการดำเนินการอะไร ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ครอบครองพื้นที่บริเวณนี้ก็มีการนำเอกสารสิทธิ์ไปเข้าแบงก์และมีการซื้อขายเปลี่ยนมือกันมาตลอด จนล่าสุดได้ทราบข่าวว่ามีกลุ่มทุนต่างชาติเข้ามากว้านซื้อผ่านมทาง “เสี่ย ล.” ในจังหวัดเพชรบูรณ์ จนมีการซื้อขายกันไปเรียบร้อยแล้ว” พ.อ.พงษ์เพชร กล่าว

พ.อ.พงษ์เพชร กล่าวว่า อยากให้มีการเร่งรัดเพื่อให้มีการเพิกถอนโฉนดให้ได้โดยเร็ว เพื่อที่ป้องกันจะไม่ให้มีการบุกรุกและครอบครองป่า เพราะขณะนี้ยังมีเอกสารสิทธิ์อยู่ในมือนายทุนทำให้สามารถจะทำอะไรก็ได้ แต่ที่ตนเสียใจมาก เพราะพยายามมาหลายปี ก็ยังไม่เป็นผลไม่สามารถที่จะเพิกถอนโฉนดได้ทัน จนกระทั่งมีกลุ่มทุนมาบุกรุกเปิดป่า โดยเฉพาะเมื่อปี 2557 เริ่มมีการตัดไม้ จากนั้นมีการนำรถแทรกเตอร์เข้ามาปรับไถป่า จนทำให้ภูเขาโล่งเตียน และเมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากชาวบ้านก็พยายามเข้าไปตรวจสอบ แต่เมื่อไปพบว่าที่ดินบริเวณนี้มีเอกสารสิทธิ์ก็จะเป็นต้องล่าถอยไม่สามารถจะทำอะไรได้

งานเลี้ยงเปิดตัวสวนน้ำ

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ที่ผ่านมา มีการจัดงานเปิดตัวโครงการ สวนน้ำแห่งใหม่ที่ใหญ่ที่สุด 1,800 ไร่ มีคนมาร่วมงานกันมากมาย ทั้ง ข้าราชการผู้ใหญ่ในจังหวัดและนายทหารระดับสูงเข้าไปร่วมด้วยหรือไปเป็นประธาน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือเหมือนเป็นการการันตีว่าพื้นที่บริเวณนี้ถูกต้องทั้งหมด ซึ่งปมประเด็นนี้ที่ผมมองว่าก็เป็นขบวนการฟอกป่าเช่นเดียวกัน คนเหล่านั้นอาจจะรู้ หรือไม่รู้ว่า ที่ดินตรงนั้น มันคือพื้นที่ป่าสมบูรณ์มาก่อน ปัจจุบันมันคือเขาหัวโล้น ที่มีนายทุนเข้าไปทำให้มันหัวโล้น จึงเป็นเหตุให้ผมรู้สึกเศร้าใจและหดหู่ใจมากที่ไม่สามารถจะรักษาป่าผืนนี้ได้ ถึงขั้นฟิวขาด ต้องเขียนระบายออกมาทางไลน์ ” พ.อ.พงษ์เพชร กล่าว

พ.อ.พงษ์เพชร กล่าวอีกว่า โดยข้อเท็จจริงแล้วเรื่องเหล่านี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการอยู่ แต่ที่ผ่านมาไม่มีการเปิดเผยให้กับสาธารชนได้รับรู้ ทำให้ตนต้องมาเปิดเผยข้อมูลเพื่อให้สาธารณชนได้รับรู้ โดยเฉพาะเร่งรัดเจ้าหน้าที่ของรัฐ และกระบวนการทางกฎหมาย ให้มีการเพิกถอนโฉนดโดยเร็ว เพราะฉะนั้นเราจะไม่สามารถรักษาผืนป่านี้ไว้ได้เลย รวมทั้งยังมีพื้นที่ป่าซึ่งมีปัญหาลักษณะเดียวกันอีกทั่วประเทศอีกด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image