จากกรณีประเทศญี่ปุ่นพบผู้ป่วยโรคหัดเยอรมันระบาด และเตือนคนไทย โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ ระมัดระวังในการเดินทางไปท่องเที่ยว เนื่องจากเสี่ยงอาจติดเชื้อ และทำให้ลูกเกิดภาวะพิการ จนทำให้หลายคนวิตกกังวลในการเดินทางไปท่องเที่ยวนั้น
หัดเยอรมันระบาด -ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องขอให้คนไทยที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวยังประเทศญี่ปุ่น เมื่อทราบข่าวอย่าเพิ่งตั้งต้นด้วยความตกใจ แต่ขอให้ตั้งต้นด้วยการรู้เท่าทัน เนื่องจากโรคนี้ไม่ได้อันตรายร้ายแรง และขอย้ำว่า ที่ต้องกังวลและควรหลีกเลี่ยงคือ หญิงตั้งครรภ์ แต่สำหรับบุคคลทั่วไปนั้น ส่วนใหญ่หากเป็นผู้หญิงอายุ 44 ปีลงมาก็จะได้รับวัคซีนกันแล้วตั้งแต่ตอนเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ส่วนผู้หญิงและผู้ชายอายุต่ำกว่า 22 ปี ได้รับวัคซีนแล้วตั้งแต่เด็กๆ ส่วนนอกเหนือกว่านั้นก็ไม่ต้องวิตก เพราะโรคหัดเยอรมันที่ระบาดในญี่ปุ่นพบที่โตเกียว และจังหวัดรอบๆเมืองโตเกียว ดังนั้น นอกเหนือจากนั้นยังไม่พบ
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่ต้องการไปท่องเที่ยวแต่ต้องการฉีดวัคซีนป้องกันทำได้เลยหรือไม่ นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า ต้องฉีดวัคซีนก่อน 2 สัปดาห์ เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ซึ่งวัคซีนอื่นๆก็ประมาณนี้ แต่จริงๆ หากมีสุขภาพแข็งแรง ก็ไม่ต้องกังวล แต่อย่างผู้สูงอายุก็ต้องระมัดระวังในกรณีมีโรคประจำตัว หรือโรคเรื้อรัง ซึ่งหากจะไปควรไปพบแพทย์เพื่อปรึกษาก่อนจะดีที่สุด แต่ผู้สูงอายุหลายคนมีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคเรื้อรังก็ไม่ต้องกังวล
เมื่อถามว่าจากสถานการณ์เช่นนี้จำเป็นต้องคุมเข้มที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองตามสนามบินหรือไม่ นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า ไม่ได้ต้องคุมเข้มพิเศษ แต่เป็นมาตรการที่มีอยู่แล้ว เนื่องจากกรณีนี้อยู่ในการระบาดที่ต้องเฝ้าระวังในระดับที่ 2 หรือที่เรียกว่า การเฝ้าระวังและแจ้งเตือน (Travel Alert) ซึ่งไม่ได้ห้ามเดินทาง โดยในส่วนนี้ตามมาตรการปกติ และเป็นข้อตกลงระหว่างประเทศ คือ จะมีคำแนะนำสำหรับคนที่เดินทางมาจากญี่ปุ่น ทั้งคนต่างชาติ และคนไทย หากมีอาการไข้ก็จะต้องแจ้ง อย่างประเทศต้นทางก่อนจะเดินทางขึ้นเครื่องบิน ก็จะมีการสอบถามจากสายการบิน และมีการสังเกตตั้งแต่ต้นทาง หากป่วยหรือมีอาการที่เข้าข่ายโรค ซึ่งไม่ใช่แค่โรคหัดเยอรมัน โรคร้ายแรงอื่นๆ ก็จะใช้มาตรการนี้ โดยหากพบป่วยก็จะไม่ได้ให้เดินทาง
“ส่วนกรณีที่มาประเทศไทยแล้ว ณ ด่านตรวจต่างๆ ก็จะมีเครื่องเทอร์โมสแกนในการตรวจวัดอุณหภูมิ โดยมาตรการเหล่านี้จะไม่เป็นอุปสรรคต่อผู้เดินทางเลย ส่วนกรณีที่บางคนอาจเป็นระยะฟักตัว คือ ไม่แสดงอาการไข้ ออกผื่น เมื่อกลับถึงบ้านและมีอาการไข้ ไปโรงพยาบาล ทางกรมควบคุมโรคก็มีการประสานกับทางโรงพยาบาลต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ถึงการตรวจสอบและหากวินิจฉัยพบก็ให้แจ้งมา รวมทั้งในชุมชนหากพบโรค หรือผู้ที่มีประวัติ ก็จะมีเครือข่ายอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) หรือทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) ก็จะคอยเฝ้าระวัง แต่ทั้งหมดเป็นมาตรการปกติ ซึ่งทำกันอยู่แล้ว ไม่ใช่เพราะโรคหัดเยอรมันเพียงโรคเดียว” อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว
