พิทักษ์ป่า 2 หมื่นคนเฮ ธันวาคมเป็นต้นไป อุทยานฯจัดหนัก สร้างขวัญทำงาน ให้เบิกโอทีวันละ 200 บาท

วันที่ 3 พฤศจิกายน นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมอุทยานฯอยู่ระหว่างการแก้ไขพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 และ พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 วัตถุประสงค์หลักคือ ต้องการให้เนื้อหาในกฎหมายทั้ง 2 ฉบับดังกล่าวทันสมัย เข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องคนอยู่กับป่า รวมไปถึงเรื่องการให้สิทธิทำกินแก่ประชาชนที่ไม่ใช่กลุ่มนายทุน รวมไปถึงเรื่องระเบียบการเอาเงินรายได้อุทยานฯมาใช้เพื่อดูแลสวัสดิการของเจ้าหน้าที่เอง ซึ่งขณะนี้ พ.ร.บ.อุทยานฯผ่านคณะกรรมการกฤษฎีกา รอรัฐบาลเสนอเข้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ส่วน พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ป่านั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา

นายธัญญากล่าวว่า แต่ระหว่างที่รอกระบวนการขั้นตอนทางการพิจารณากฎหมายนั้น เวลานี้กรมอุทยานฯได้ใช้งบประมาณเพื่อการลาดตระเวน ของโครงการลาดตระเวนเชิงคุณภาพ(smart patrol) สำหรับจัดสวัสดิการให้พนักงานพิทักษ์ป่าที่ทำหน้าที่ออกลาดตระเวนป่า ทั้งในส่วนของอุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ซึ่งเดิมทีเจ้าหน้าที่เหล่านี้จะได้รับเงินเดือนไม่ต่ำกว่าเดือนละ 9,000 บาท ก็จะได้รับเป็นเงินล่วงเวลาเพิ่มขึ้นอีกชั่วโมงละ 50 บาท หรือวันละไม่เกิน 200 บาท โดยเวลานี้กรมอุทยานฯมีเจ้าหน้าที่ที่ออกปฏิบัติการลาดตระเวนป่า ทั้งส่วนอุทยานฯและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าประมาณ 20,000 คนทั่วประเทศ ซึ่งการจ่ายเงินค่าล่วงเวลาดังกล่าว แม้จะไม่ใช่เงินที่มากนัก แต่จะเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ที่เสียสละทำงานดูแลป่าด้วย

“อย่างเช่น หากใครมีหน้าที่ออกลาดตระเวนในป่าเป็นเวลา 3 วัน ก็จะได้รับเงินเพิ่มอีก 600 บาท เป็นต้น ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่กลุ่มนี้ไม่เคยได้รับเงินล่วงเวลามาก่อนเลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรี ทส. โดยงบประมาณดังกล่าวนั้นก็มาจากเงินรายได้อุทยานฯที่เป็นไปตามการใช้เงินรายได้ในมาตรา 23 ที่สามารถนำเงินรายได้มาใช้สำหรับการลาดตระเวนป่า เพื่อคุ้มครองพื้นที่ป่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าได้” อธิบดีกรมอุทยานฯกล่าว

นายธัญญากล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ตามกฎหมายเดิมนั้นกรมอุทยานฯไม่สามารถนำรายได้ของอุทยานฯมาใช้สำหรับการดูแลสวัสดิการ คุ้มครองความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ได้ โดยเฉพาะเจ้าพนักงานพิทักษ์ป่าที่เป็นลูกจ้างทีโออาร์ หรือลูกจ้างรายวัน ที่หากเกิดเหตุไม่ชอบมาพากล เช่น เสียชีวิต หรือประสบอุบัติเหตุระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ จะไม่มีสวัสดิการอะไรดูแลเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้เลย แต่ที่ดูแลกันอยู่เวลานี้เป็นเงินประกันชีวิตที่องค์กรพัฒนาเอกชน เช่น มูลนิธิเขาใหญ่ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร แต่ก็ไม่สามารถทำได้ทั่วถึงทุกพื้นที่ โดยเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนป่าทั่วประเทศจะเริ่มได้รับเงินล่วงเวลาตั้งแต่เดือน ธันวาคมเป็นต้นไป

Advertisement

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเงินรายได้อุทยานแห่งชาติทั่วประเทศนั้นปีงบประมาณ 2561 ที่สิ้นสุดในวันที่ 31 ตุลาคมนั้นอยู่ที่ 2,700 ล้านบาท คาดว่าสิ้นปีนี้น่าจะมีรายได้รวมทั้งสิ้นถึง 3,000 ล้านบาท สำหรับอุทยานฯแห่งชาติที่มีรายได้สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด และอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image