สืบเนื่องจากกรณีการเสียชีวิตของ ‘น้องเล็ก’ เพชรมงคล ป.พีณภัทร นักมวยเด็กวัย 13 ปี คาสังเวียน ได้ทำให้เกิดกระแสหนุนการปรับแก้ไข พ.ร.บ.กีฬามวย พ.ศ.2542 ที่กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬากำลังเสนออยู่ ซึ่งจะมีการกำหนดอายุขั้นต่ำ 12 ปี ในการแข่งขันมวยไทย ส่วนอายุระหว่าง 12-15 ปี ต้องได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนก่อนนั้น
เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน นายสมพงษ์ จิตระดับ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาด้านเด็กและเยาวชน คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับการปรับแก้ไขร่าง พ.ร.บ.กีฬามวยฯ ซึ่งร่างบนฐานงานวิจัย ฐานของกฎหมายนานาชาติ ที่กำหนดอายุขั้นต่ำเข้าแข่งขันมวย 12 ปีขึ้นไป แม้ส่วนตัวเห็นว่าควรกำหนดอายุขั้นต่ำที่ 15 ปี เพราะข้อมูลทางวิชาการและงานวิจัยพบว่า การชกมวยในเด็กมีผลเสียถึงร้อยละ 70 ทั้งในเชิงการแพทย์ กฎหมายสิทธิเด็ก และมีผลดีร้อยละ 30 ในแง่ความกตัญญูที่เด็กชกมวยหารายได้ให้ครอบครัว การรักษาวัฒนธรรม ทั้งนี้ มีการบอกว่ามวยไทยเป็นมรดกของประเทศ ควรผลักดันสู่สายตาชาวโลก แต่ในความเป็นสากลก็ไม่เคยเห็นประเทศไหนเอาเด็กมาชกมวยเลย ฉะนั้นหากอยากผลักดันมวยไทยสู่สากล และให้ทั่วโลกยอมรับ คงต้องแก้ที่จุดนี้ก่อน เพราะหากยังปล่อยอีกต่อไป ไทยคงถูกมองว่าเป็นประเทศที่ป่าเถื่อน และไม่ทำตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กที่ไปลงนามไว้
นายสมพงษ์กล่าวอีกว่า มวยเด็กยังเป็นการการแสวงหาผลประโยชน์ของผู้ใหญ่ เด็กเป็นเพียงเครื่องมือความสนุกสนานของผู้ใหญ่ แม้อาจมีข้ออ้างว่าชกมวยเพื่อต้องการหาเลี้ยงพ่อแม่ ชกมวยเพราะความยากจน แต่สมัยนี้มีช่องทางหาเงินเยอะแยะกว่าชกมวย หรือไปขอเงินกองทุนของรัฐต่างๆที่มีมากมายก็ได้ ทั้งนี้ ปัจจุบันไทยมีกฎหมายคุ้มครองเด็ก ที่มาตรา 32 ระบุถึงการเอาผิดพ่อแม่ที่เอาลูกไปหาผลประโยชน์ หรือเลี้ยงลูกอย่างไม่เหมาะสมได้ แต่กลับมีปัญหาในทางปฏิบัติ ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่ต้องไปจัดการ
