‘อัจฉริยะ’ นำครอบครัว-พยานเหยื่อถูกสาดน้ำกรด ให้ข้อมูล กก.สอบข้อเท็จจริงฯรพ.พระราม 2 ไม่รับรักษา (คลิป)

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 19 พฤศจิกายน นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำครอบครัวของ น.ส.ช่อลัดดา ทาระวัน เหยื่อที่เสียชีวิตจากการถูกสามีสาดน้ำกรด พร้อมด้วยพยาน คือ คนขับแท็กซี่ ทั้ง 2 คน นายสิทธิชัย ชัยเดชกำจร คนขับแท็กซี่ที่รับส่งโรงพยาบาลแห่งแรก และนายสงัด ดัชถุยาวัตร คนขับแท็กซี่ที่ส่งต่อไปโรงพยาบาลแห่งที่ 2 ไปที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีโรงพยาบาลพระราม 2 ส่งต่อผู้ป่วยที่ถูกสาดน้ำกรดไปยังโรงพยาบาลเอกชนแห่งอื่น แต่เกิดคำถามว่าเป็นการปฏิเสธผู้ป่วยหรือไม่ และเป็นเหตุให้ผู้ป่วยเสียชีวิตระหว่างทางหรือไม่ อย่างไร

นายอัจฉริยะ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าให้ข้อมูลต่อคณะกรรมการว่า วันนี้ได้พาพยาน 4 ปากที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลต่อคณะกรรมการ ประกอบด้วย ลูกสาวผู้เสียชีวิต ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ตลอดตั้งแต่เกิดเรื่องจนกระทั่งเสียชีวิต และคนขับรถแท็กซี่ทั้ง 2 คน คนแรกรับจากบ้านมาส่ง รพ.พระราม 2 คนที่ 2 รับจาก รพ.พระราม 2 ไปยัง รพ.เอกชนแห่งอื่น และตน

“อย่างไรก็ตาม วันนี้ไม่มั่นใจว่าจะได้ข้อสรุปหรือไม่ แต่ก็นำหลักฐานข้อมูลทั้งหมดมาแสดงต่อคณะกรรมการ ที่สำคัญคือ คลิปวิดีโอเล่าเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ ซึ่งเชื่อมั่นว่าเราจะได้รับความเป็นธรรม แต่สิ่งที่ต้องการ ณ ขณะนี้ การออกมาขอโทษญาติผู้เสียชีวิต เพราะที่ผ่านมา ยังไม่เคยได้ยินคำนี้จากผู้บริหาร หรือแพทย์จากทาง รพ.พระราม 2 เลย ถ้าไม่ขอโทษจะคุยกันได้อย่างไร พร้อมทั้งให้มีการแสดงความรับผิดชอบต่างๆ ส่วนเรื่องทางคดีตนได้แจ้งความทั้งคดีอาญา ผู้บริหาร รพ.พระราม 2 จำนวน 3 คน ในข้อหาประมาทจนเป็นเหตุให้มีการเสียชีวิต รวมถึงการเอาผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 มาตรา 34, 35, 36 ด้วย” นายอัจฉริยะกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วงที่ผ่านมาได้หารือร่วมกับ รพ.พระราม 2 อีกครั้งหรือไม่ นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ไม่มี แต่วันนี้คณะกรรมการ สบส.ได้เชิญทั้ง 2 ฝ่าย มาให้ข้อมูลแต่คนละรอบ เมื่อพิจารณาเสร็จน่าจะมีการแถลงร่วมกัน แต่ก็ไม่มั่นใจว่าวันนี้จะได้ข้อสรุปหรือไม่

Advertisement

ด้านนายสิทธิชัย คนขับแท็กซี่ที่รับผู้ป่วยจากบ้านมาส่ง รพ.พระราม 2 กล่าวว่า ผู้ป่วยและลูกสาวออกมายืนเรียกแท็กซี่ของตนที่หน้าปากซอย พอรับขึ้นรถแล้วเห็นผู้ป่วยหนัก ร้องครวญครางตลอดว่าปวดแสบปวดร้อน แต่ตนไม่ได้หันไปดูว่าสภาพใบหน้ามีบาดแผลหรือไม่ เพราะต้องรีบขับรถไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด ซึ่ง รพ.พระราม 2 คือ โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด แค่กลับรถก็ถึงแล้ว เมื่อถึงโรงพยาบาลไม่มีเวร ไม่มีเจ้าหน้าที่มารับ ทำให้ผู้ป่วยและลูกสาวต้องวิ่งไปหาเจ้าหน้าที่แทน

นายสงัดกล่าวว่า ตอนที่รับผู้ป่วยจาก รพ.พระราม 2 นั้นผู้ป่วยมีอาการหนักแล้ว เจ้าหน้าที่นำผู้ป่วยนั่งรถเข็นมา และหามขึ้นรถแท็กซี่ พร้อมกับบอกว่าผู้ป่วยถูกสาดน้ำร้อนมาให้พาส่งต่ออีกโรงพยาบาล ซึ่งขณะนั้นตนไม่เห็นสภาพบาดแผล เพราะมีการพันแผลมาแล้ว ทราบเพียงว่าอาการแย่เนื่องจากผู้ป่วยไม่มีการพูดจา ไม่ร้องตลอดทางจนกระทั่งถึงโรงพยาบาลอีกแห่ง

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image