นิติศาสตร์ ม.รังสิตเตรียมการทางกฎหมาย พร้อมระดมรายชื่อร้องนายกฯปม ‘สิทธิบัตรกัญชา’

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์  คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต  กล่าวถึงกรณีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  ออกมาประกาศแก้ปัญหาสิทธิบัตรกัญชา ที่ก่อนหน้านี้ภาคประชาสังคม องค์การเภสัชกรรม และมหาวิทยาลัยรังสิตมีข้อกังวล ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมีหลายประเด็นที่ยังเป็นคำถามอยู่ ซึ่งขณะนี้ทางคณะนิติศาสตร์เตรียมสำนวนทางกฎหมาย เนื่องจากพบว่าฉบับที่มีการยื่นคำขอ ก็ยังค้างอยู่ในระบบ ที่สำคัญตัวสารที่ยื่นขอนั้น ก็เป็นเพียงการเอามาผสมกับตัวยาหรือสารตัวอื่น ดังนั้น เมื่อได้สิทธิบัตรจริงๆ ต่อไปนักวิจัยก็ไม่สามารถทำได้ ซึ่งจะเป็นปัญหามาก  อีกทั้ง ตัวสารในกัญชา อย่าง THC และ CBD อย่าลืมว่ายังเป็นยาเสพติดอยู่ ทำให้นักวิจัยไทยไม่สามารถวิจัยพัฒนาได้มากมาย ยังมีข้อจำกัด แต่ปรากฏว่า ต่างชาติวิจัยล่วงหน้ามาก่อน และมายื่นขอจดสิทธิบัตรในไทย และกรมทรัพย์สินฯของไทยก็รับยื่น ในขณะที่นักวิจัยไทยยังทำไม่ได้ เพราะติดกฎหมาย แบบนี้ไม่เป็นธรรม ไม่มีความเท่าเทียมกันในเชิงการวิจัย ซึ่งการกระทำที่ไม่เท่าเทียมกันเช่นนี้ย่อมขัดรัฐธรรมนูญของไทยหรือไม่

“ไม่เพียงเท่านี้ ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุข ได้ทำข้อบ่งชี้สารสกัดกัญชาว่า ใช้อะไรได้บ้าง แต่ไม่มีระบุถึงโรคมะเร็ง แต่ในต่างชาติที่มาขอสิทธิบัตรกลับระบุเกี่ยวข้องกับโรคมะเร็ง และปรากฏอีกว่ากรมทรัพย์สินฯ รับยื่นอีก การกระทำเช่นนี้ผมว่าไม่เป็นธรรมทางวิชาการ คือ ห้ามคนไทยแต่ปล่อยให้ต่างชาติทำได้หรืออย่างไร จริงๆมีหลายกรณีที่ยังเป็นคำถามถึงความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นกับคนไทย อย่างการนำสารสกัดกัญชามาใช้รักษาโรคพาร์กินสัน ลมชัก ซึ่งมีการยื่นขอสิทธิบัตรกัญชาเกี่ยวกับโรคเหล่านี้ แต่จริงๆแล้วในการรักษาภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย มีการนำมาใช้รักษาโรคเกี่ยวเนื่องลมชักมานาน ไม่ใช่แค่ลมชัก อาการสั่นต่างๆ ด้วย แบบนี้มีความใหม่หรือไม่ ก็ยังเป็นคำถามว่า สรุปแล้วมีความเป็นธรรมจริงหรือ เพราะจริงๆ เราต้องส่งเสริมแพทย์แผนไทย แบบนี้ก็ทำให้รู้สึกเป็นการขัดกฎหมาย ม.55 ของรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่า รัฐต้องดำเนินการให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง เสริมสร้างให้ประชาชนมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค และส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการพัฒนาภูมิปัญญาด้านแพทย์แผนไทย ” นายปานเทพ กล่าว

นายปานเทพ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ในเรื่องการปรับปรุงร่างพ.ร.บ.ยาเสพติดฯ ที่กำลังทำกันอยู่นั้น ก็เป็นการผูกขาดโดยรัฐเกินไป เนื่องจากให้เอกชนไปร่วมกับรัฐ และกำหนดเวลา 5 ปี จะศึกษาหรือทำอะไรต้องอยู่ในกรอบเวลานี้ อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทางมหาวิทยาลัยรังสิต และทางภาคประชาสังคม กำลังประสานกันในการรวบรวมรายชื่อเกี่ยวกับปัญหาเหล่านี้ เพื่อหาทางออก รวมทั้งขอให้มีการปรับปรุงกฎหมายให้เหมาะสม  โดยจะเสนอต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าจะมีการยื่นฟ้องกรมทรัพย์สินทางปัญญาหรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า  อยู่ระหว่างรวบรวมรายละเอียดทางกฎหมาย เพราะเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ต่างๆ แล้ว รวมทั้งตัวกฎหมายที่กำลังผลักดันก็เน้นไปที่เพื่อประโยชน์ราชการ  ส่วนเอกชนให้มุ่งแค่วิจัยพัฒนา  แม้แต่แพทย์แผนไทยก็ถูกจำกัด เรื่องนี้ก็น่าคิดเช่นกัน ว่า ถ้ากฎหมายปลดล็อกให้แพทย์แผนไทยได้จริงๆ อาจกระทบ จนไม่มีใครผูกขาดสัมปทานกัญชาได้เลย ซึ่งหากมีการผูกขาดสัมปทานกัญชา ก็จะคล้ายๆกรณีเหล้า บุหรี่นั่นเอง  แต่ในเมื่อร่างกฎหมายที่กำลังผลักดันเป็นเช่นนี้ รวมทั้งเรื่องสิทธิบัตรกัญชาอีก ก็ทำให้หวาดวิตกไม่ได้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทำเพื่อประเทศไทยหรือไม่ หรือทำเพื่อใคร

Advertisement

 

 

 

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image