| ที่มา | สกู้ปข่าวหน้า 1 หนังสือพิมพ์มติชน 22 พฤศจิกายน 2561 |
|---|
ในขณะที่ เสือดำ ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ตะวันตก จ.กาญจนบุรี ถูกฆ่าอย่างทารุณ ยังอยู่ในกระบวนการยุติธรรมที่จะเอาผิดกับผู้ต้องหาอยู่นั้น สัตว์ป่าคุ้มครองชนิดอื่นๆ ก็ยังถูกล่า ถูกฆ่าให้เห็นอยู่เรื่อยๆ ทั้งโดยเจตนาและอุบัติเหตุ
ใช่ว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะไม่หืออือ เอาหูไปนา เอาตาไปไร่
แต่การอยู่ในที่สว่างคอยระแวดระวัง กับพวกจ้องทำลายล้างซึ่งอยู่ในที่มืด ย่อมมีโอกาสเพลี่ยงพล้ำ
โดยการเพลี่ยงพล้ำแต่ละครั้งนั้น นำพาเอาความสะเทือนใจแก่ผู้คนกว่าค่อนประเทศ
อย่างล่าสุด ภาพหัวเลียงผาใบหน้าฟกช้ำยับเยิน น้ำตาปริ่มล้นออกมาจากตาบวมๆ ลิ้นห้อยจุกปาก สัตวแพทย์บอกว่า มันต้องผ่านความเจ็บปวด บอบช้ำทรมานอย่างแสนสาหัส ก่อนจะค่อยๆ ขาดใจตายอย่างช้าๆ
มันเป็นเลียงผาโชคร้าย อาศัยหากินอยู่ในพื้นที่กว้างใหญ่ ในป่าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ถูกชายชาวบ้าน 2 พ่อลูก ที่บอกกับเจ้าหน้าที่ว่า ยากจนอย่างหนัก ไม่มีงาน ไม่มีอะไรจะกิน ชีวิตไม่มีทางเลือก
แต่มาเลือกฆ่าเลียงผาตัวนี้ เอาเนื้อมาประทังชีวิต
ป่าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ถือเป็นป่าผืนใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่มีพื้นที่ป่าติดต่อกันตลอดทั้งผืน 1.8 ล้านไร่ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชป่านานาพันธุ์ และสัตว์ป่านานาชนิด ที่สามารถเดินอยู่ในป่าได้โดยไม่ขาดช่วง
มานะ เพิ่มพูล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน บอกว่า ยังไม่เคยมีการศึกษาเก็บข้อมูลชัดเจนเรื่องเลียงผา ทั้งเรื่องปริมาณ และวิถีชีวิตในพื้นที่แห่งนี้
แต่จากการบอกเล่าและบันทึกการพบเห็นสัตว์ในป่า ของพนักงานลาดตระเวนป่า ระบุว่า พบเห็นเลียงผาบริเวณป่าเปลี่ยว ขอบป่า ระหว่างพื้นที่อุทยานฯกับที่ทำกินชาวบ้าน และข้างภูเขาอยู่เป็นประจำ
รวมทั้งหลายๆ ครั้ง ยังพบเลียงผาออกจากป่าไปหากินอยู่ในพื้นที่ทำกินของชาวบ้านอีกด้วย บ่อยครั้งที่เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันต้อนให้เลียงผาเหล่านั้นกลับเข้าพื้นที่อุทยาน
นายสัตวแพทย์ (นสพ.) ภัทรพล มณีอ่อน สัตวแพทย์ประจำกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า เลียงผาเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่ใกล้จะสูญพันธุ์ น่ากังวลและน่าสงสารที่สุด เพราะเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างเป็นมิตรต่อคน ไม่ค่อยหวาดระแวงเมื่อเจอคน และมันก็ไม่ใช่สัตว์ที่ปราดเปรียวว่องไวอะไรนัก
“ถ้ารู้นิสัย รู้พฤติกรรม จะเห็นว่าเลียงผาล่าได้ง่ายมาก มันยังเป็นสัตว์ที่มีความภูมิใจในตัวเองด้วย สังเกตพวกเขาจะชอบยืนโชว์ความหล่อความสวยบนยอดเขาหรือโขดหินปูน ตอนเช้า ตอนเย็น บางพื้นที่ เมื่อเห็นกิริยาการยืนโชว์ความหล่อความสวยบนยอดเขา หรือโขดหิน ก็จะเรียกเลียงผาอีกชื่อว่า ม้าเทวดา” นสพ.ภัทรพล
กล่าว
และว่า บ่อยครั้งเมื่อเลียงผาปรากฏเป็นข่าว น้อยครั้งที่เราจะพบข่าวดี แต่จะเห็นพวกมันขาดใจตายอย่างทรมาน เคยถูกกลุ่มคนงานในโรงงานปูนแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ติดภูเขาหินปูน ไล่ล่า ทุบตีอย่างคึกคะนองและบ้าคลั่ง จนมันตายอย่างน่าเวทนา หวังแค่จะเอาเขาและกระดูกไปเคี่ยวทำน้ำมันยารักษาอาการปวดเมื่อย เป็นความคิดผิด ที่เชื่อๆ ต่อๆ กันมาอย่างไร้ปัญญาอย่างยิ่ง
นายสัตวแพทย์ประจำกรมอุทยานกล่าวว่า เคยรักษาเลียงผาที่มีอาการบาดเจ็บบอบช้ำจากการถูกทำร้ายมาหลายสิบตัวแล้ว ก่อนมาถึงมือหมอมันบอบช้ำมาก สังเกตว่ามันก็พยายามรักษาตัวเองเหมือนสัตว์อื่นๆ เท่าที่ทำได้ นั่นคือ การพยายามเลียแผล เลียพื้นที่ร่างกายส่วนที่มันพอจะเลียถึงได้ แต่ก็ไม่มีผลกับการรักษาอะไรเลย ก็คิดดูเอาเองแล้วกันว่าแม้แต่ตัวมันเอง ยังช่วยตัวมันเองไม่ได้แล้วนับประสาอะไรที่น้ำมัน หรืออะไรก็ตามจากตัวเลียงผาจะมาช่วยอะไรมนุษย์เรา
”ยังไม่หมดนะครับ เขาว่าเลียงผาเป็นสัตว์ที่ปีนป่ายตามภูเขาหินปูนหรือที่สูงชันเก่ง แทบจะไม่มีใครได้เห็นมันตกเขา หรือตกเหวตาย จึงเชื่อว่าในตัวเลียงผาต้องมีสารหรืออะไรที่ทำให้เลียงผามีความสามารถในการปีนป่าย และต้องมีคุณสมบัติในการรักษาบาดแผล รักษาข้อ กระดูกได้อย่างดี คนจึงเอาไขมันเลียงผามาใช้ เอากระดูกมาบด เอาเลือดมาเข้ายาเพื่อการรักษา ขอบอกเลยนะครับ เป็นหมอรักษาเลียงผามาเยอะ เจอบ่อยมากกับเลียงผาตกเขา ตกเหวบาดเจ็บ ไม่ใช่ว่าไม่มีเลียงผาตกเขาเลย และหากถ้าน้ำมันเลียงผามันดีจริง
มันคงไม่ต้องมาให้หมอรักษาหรอกครับ” นสพ.ภัทรพลกล่าว
เป็นความเชื่อที่ผิดทั้งสิ้น ที่ว่าตัวเลียงผามีความสามารถรักษาตัวจากการตกเขา รักษากระดูกหักได้เอง เพราะโดนยิงแล้วหาตัวไม่เจอ นั้นเป็นเพราะว่าเลียงผาเดินบนพื้นที่เขาหินปูนที่เป็นซอกหินที่แหลมคมได้ดี และมักหลบซ่อนรักษาตัวในพื้นที่ถ้ำหรือโพรงที่ห่างไกลคนติดตาม
ภัทรพล มณีอ่อน
ส่วนน้ำมันเลียงผา ที่เป็นหม้อๆ แล้วมีหัวหรือขาเลียงผาต้มอยู่หรือไขมันเลียงผานั้นมีสรรพคุณจริง แต่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับการสมานแผลหรือสรรพคุณใดเลย
ที่ใช้แล้วมันดี ก็เพราะในน้ำมันเลียงผาที่อวดอ้างนั้น ประกอบด้วยน้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันมะกอกมาเป็นตัวสื่อ พอเอามาถูนวดจะเกิดความร้อนบริเวณนั้นและดูดซึมเข้าผิวหนังได้ดี
และพระเอกตัวจริงคือ ว่านไพล โดยส่วนเหง้าหัวใต้ดิน เอามาฝนทาแก้เหน็บชา เมื่อยขบ แก้เคล็ดขัดยอก ฟกบวม ใช้น้ำมันมะพร้าวผสมน้ำมันไพล ทาแก้อาการเคล็ดขัดยอก หรือใช้น้ำมันไพลผสมแอลกอฮอล์ทากันยุง แก้โรคผิวหนัง แก้ฝี ทาเคลือบแผล ป้องกันการติดเชื้อ ดูดหนอง สมานแผล พอมาทำละลายกับน้ำมันมะพร้าว ก็จะนำพาสรรพคุณจากสมุนไพรต่างๆ ดูดซึมเข้าผิวหนังเวลาถูนวด ทำให้หายเร็วขึ้น
ที่สำคัญรู้กันหรือไม่ว่า ที่เห็นหัว เขา อวัยวะ หรือซากเลียงผานั้น คือ มันเป็นแค่พร็อบ หรือองค์ประกอบทางการค้า ที่พ่อค้าหัวใสเอามาวางไว้หลอกประชาชนตาดำๆ ที่ผ่านไปผ่านมาเท่านั้นเอง
เลียงผา เป็นแค่สัตว์ตระกูลเดียวกับแพะ!
ดังนั้น เนื้อเลียงผาจึงไม่ได้มีความแตกต่างใดๆ ในเรื่องโภชนาการ ที่แตกต่างจากเนื้อแพะ
ที่สำคัญสัตว์พวกนี้พยาธิเยอะมาก ส่วนใหญ่กินดิบ กึ่งสุกกึ่งดิบ หลายรายที่ตายอย่างไม่ทราบสาเหตุ พอไปสอบประวัติเชิงลึกแล้ว พบว่าคนเหล่านี้มีรสนิยมกินเนื้อสัตว์ป่าทั้งสิ้น
การขาดจิตสำนึก เห็นแก่ตัว ด้วยความเชื่อผิดๆ ออกล่า ฆ่า ทรมาน ทารุณสัตว์ อย่างคึกคะนอง วันใดที่คุณถูกจับกุมได้วันนั้นชีวิตจะไม่ปกติสุขแน่นอน
ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐี หรือ ยาจก !?!
