นิติวิทยาศาสตร์ กรมอุทยานฯ ชี้แล้ว ผลตรวจหมีขอ เป็นตัวเดียวกัน

แฟ้มภาพ

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน นางกณิตา อุ่ยถาวร หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เผยความคืบหน้ากรณีการตรวจดีเอ็นเอซากหมีขอและพยานวัตถุ หลังจับกุมอดีตปลัดอำเภอด่านมะขามเตี้ยและพวก พร้อมของกลางเป็นอาวุธปืนและซากสัตว์ป่าในพื้นที่อุทยานไทรโยค จ.กาญจนบุรี ว่า ภายหลังที่เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งหลักฐานในคดีดังกล่าวกว่า 30 รายการเพื่อให้ทางกรมอุทยานฯ ตรวจสอบดีเอ็นเอหมีขอ โดยต้องหาคำตอบใน 2 เรื่อง คือ ซากสัตว์ป่าเป็นสัตว์ป่าชนิดใด และ2.ซากสัตว์ป่าทั้งหมดนั้นเป็นสัตว์ป่าชนิดเดียวกันหรือไม่ และมีกี่ตัว

นางกณิตา กล่าวต่อว่า วันนี้ทางกรมอุทยานฯ ได้รู้คำตอบทั้ง 2 ข้อแล้ว คือ1.ซากสัตว์ป่าดังกล่าวเป็นหมีขอ และ2.จากหลักฐานชิ้นสำคัญหลักๆ เช่น อุ้งตีนทั้ง 4 ข้าง ฟันกราม กระดูก ชิ้นเนื้อ เป็นหมีขอตัวเดียวกันและมีเพียงตัวเดียว โดยหลังจากได้ผลการตรวจดีเอ็นเอแล้วจะทำรายงานให้ผู้บังคับบัญชารับทราบ พร้อมทั้งส่งรายงานไปยังทางกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เพื่อประสานกับทางสภ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี นำผลการตรวจดีเอ็นเอเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดต่อไป

ด้านนายสมโภชน์ มณีรัตน์ โฆษกกรมอุทยานแห่งชาติฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากนี้ทางกรมอุทยานฯ จะส่งรายงานผลตรวจดีเอ็นเอหมีขอเพื่อนำไปประกอบกับสำนวนที่ทางพนักงานสอบสวนได้ทำไว้เพื่อส่งอัยการ สำหรับผลตรวจดีเอ็นเอหมีขอถือเป็นหลักฐานสำคัญที่สามารถเชื่อมโยงทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตั้งแต่พบซากหมีขอในรถ ซากฟันกราม กระดูก ที่แคมป์สำนักสงฆ์เต่าดำในกลางป่าลึกในเขตอุทยานฯ ตามที่อดีตปลัดอำเภอและพวกอ้างว่ามาทำบุญ รวมทั้งบริเวณที่พบปลอกกระสุน ดังนั้นผลตรวจดีเอ็นเอหมีขอจึงเป็นหลักฐานเชื่อมโยงเหมือนหนังม้วนเดียวจบ และถึงแม้ผู้ต้องหาจะสารภาพว่าก่อเหตุแล้ว แต่หากว่าผู้ต้องหากลับคำรับสารภาพในชั้นศาลก็จะไม่เป็นผล เพราะเรามีหลักฐานชิ้นสำคัญที่เป็นสิ่งยืนยันว่าผู้กระทำผิดได้ลงมือทำจริง ตั้งแต่เข้าไปล่า ยิง และเตรียมขนซากกลับบ้าน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image