เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ที่โรงแรมนารา แจ้งวัฒนะ ภายในงานแถลงข่าวการจ่ายเงินกองทุนประกันสังคมตามค่า HA นางพเยาว์ ปรึกษา อายุ 55 ปี ผู้พิการได้เดินทางมาร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าว กรณีสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 2 จัดหาของเยี่ยมผู้ทุพพลภาพประจำปี โดยตั้งข้อสังเกตว่า ของเยี่ยมเป็นของราคาถูก มูลค่าไม่น่าจะถึง 500 บาท ตามที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณมาให้ดูแลผู้ทุพพลภาพ โดยได้นำของเยี่ยมมาแสดงให้เห็นด้วย
นางพเยาว์ กล่าวว่า ตนเกิดอาการเส้นเลือดสมองตีบ ซึ่งมาจากภาวะเครียดจากการทำงาน ทำให้สุดท้ายกลายเป็นผู้พิการหรือทุพพลภาพ โดยตนได้รับเงินชดเชยกรณีทุพพลภาพจากประกันสังคม 7,500 บาทต่อเดือนตลอดชีวิต รวมถึงค่ายา 2,000 บาทต่อเดือน และค่าพาหนะ 500 บาทต่อเดือน ซึ่งจะมีการไปพบแพทย์ก็จะมีการไปเบิกเงินเหล่านี้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 2 ทุกเดือน ซึ่งตนจะได้รับของเยี่ยมผู้ทุพพลภาพทุกปี ซึ่งสำนักงานเขตพื้นที่จะได้รับเงินจัดสรรมาหัวละ 500 บาท ในการจัดซื้อของใช้สิ่งจำเป็นสำหรับผู้พิการ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้รับของใช้ที่สมเหตุสมผลกับมูลค่า เช่น เคยได้ผ้าขนหนู ผ้าห่มคุณภาพดีจำนวน 3 ผืน ปีก่อนได้รับที่นอนยางพารา ขนาด 3.5 ฟุต ซึ่งถือว่าสมเหตุสมผลกับมูลค่า 500 บาท
นางพเยาว์ กล่าวว่า แต่ของเยี่ยมปีนี้ที่ได้รับมา กลับเป็นเพียงผ้าขนหนูคุณภาพเนื้อหยาบ 2 ผืนกระป๋องแป้ง สบู่ 2 ก้อน แปรงและยาสีฟัน ซึ่งพิจารณาแล้วดูไม่สมเหตุสมผลกับงบประมาณที่จัดสรรให้คนละ 500 บาท จึงตั้งข้อสงสัยว่า มีการทุจริตหรือไม่ เพราะหากดูตามมูลค่าของเยี่ยมที่ได้รับแล้วคาดว่า คงไม่ถึง 200 บาท ส่วนต่างที่เหลือที่หายไปคืออะไร ซึ่งของเยี่ยมนี้ตนได้รับเมื่อเดือน มิ.ย. 2561 และก็ได้โทรศัพท์ไปสอบถามกับทางสำนักงานเขตพื้นที่ทันที ซึ่งก็ได้รับคำตอบยืนยันว่า เป็นของมูลค่า 500 บาท และเมื่อเร็วๆ นี้ก็ส่งเจ้าหน้าที่มาเยี่ยมบ้าน และพูดทำนองให้เชิงยอมรับว่า ของเยี่ยมนี้มูลค่าถึง 500 บาทจริง ซึ่งตนไม่เชื่อ เพราะของจากปีก่อนๆ มูลค่าเหมาะสมกับงบประมาณ 500 บาทจริงๆ แต่นี่ไม่ใช่เลย ซึ่งล่าสุดทราบว่าหลังจากตนร้องเรียน ได้มีการย้ายผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่ดังกล่าวออกไปแล้ว
“ของเยี่ยมผู้พิการควรเป็นของที่ผู้พิการใช้ได้ อย่างสบู่ก้อนถามว่าใช้มือได้ข้างเดียว จะใช้สบู่ก้อนอย่างไร ควรจะเป็นสบู่เหลวและมีแปรงช่วยในการขัดหลังหรือไม่ ที่สำคัญคุณภาพและมูลค่าต้องเหมาะสม สมเหตุสมผลกับงบประมาณ 500 บาทต่อคน ซึ่งของเยีย่มในครั้งนี้ตนเชื่อว่ามูลค่าไม่ถึง 200 บาทแน่นอน อาจจะมีการทุจริตตรงนี้หรือไม่” นางพเยาว์ กล่าว
