‘บิ๊กป้อม’ นั่งหัวโต๊ะถก กนร.อนุมัติเปิด ‘ศูนย์เก็บข้อมูลแรงงานชั่วคราวทางการพม่า’ ที่สมุทรสาคร

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน (กนร.) ที่กระทรวงแรงงาน โดยมี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน นางเพชรรัตน์ สินอวย อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) และคณะผู้บริหารกระทรวงแรงงาน และหน่วยงานต่างๆ อาทิ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นต้น เข้าร่วม

พล.ต.อ.อดุลย์ แถลงว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบให้จัดตั้งศูนย์จัดเก็บข้อมูลแรงงานพม่าชั่วคราวของทางการพม่า ณ บริเวณตลาดทะเลไทย เพื่อจัดเก็บข้อมูลเฉพาะแรงงานพม่า 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มแรงงานพม่าที่ต้องการเปลี่ยนเอกสารประจำตัวเป็นหนังสือเดินทาง (กลุ่มที่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติหรือจัดทำทะเบียนประวัติในประเทศไทยที่ถือหนังสือเดินทาง หนังสือเดินทางชั่วคราว และเอกสารรับรองบุคคล โดยทางการพม่าใช้คำว่า กลุ่มคน Function A และ 2.กลุ่มแรงงานพม่าตามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ที่ต้องการจัดทำเป็นหนังสือเดินทางฉบับใหม่ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและลดขั้นตอนให้กับแรงงานพม่าที่ประสงค์จะกลับเข้ามาทำงานตามเอ็มโอยู เมื่อวาระการจ้างงานครบ 4 ปี โดยทางการพม่าใช้คำว่ากลุ่มคน Function B

“ทั้งสองกลุ่มจะต้องยื่นเอกสารตามที่ทางการพม่ากำหนด เมื่อผ่านการตรวจสอบแล้ว จึงจะสามารถขอรับหนังสือเดินทางได้ที่สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ประจำประเทศไทย หรือ ศูนย์ออกหนังสือเดินทางบริเวณชายแดนแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก, แม่สอด-เมียวดี และระนอง–เกาะสอง  โดยวัตถุประสงค์ของศูนย์คือ การเก็บข้อมูลของแรงงานพม่าที่ขอหนังสือเดินทาง ซึ่งจะเปิดดำเนินการชั่วคราวเป็นระยะเวลา 1 ปี เปิดทำงานวันจันทร์ – วันเสาร์ เว้นวันอาทิตย์ และวันหยุดราชการไทยกำหนด ตั้งแต่เวลา 10.00-16.00 น. หรือจนกว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จ และจะไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายอื่นใดทั้งสิ้น” พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าว

Advertisement

นอกจากนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แถลงว่า ที่ประชุมได้พิจารณาความเหมาะสมของประเทศต้นทางเพื่อกำหนดให้คนต่างด้าวที่มีสัญชาติของประเทศต้นทางเข้ามาทำงานกรรมกรในประเทศไทย โดยพิจารณาเห็นชอบให้คนต่างด้าวที่ประสงค์จะเข้ามาทำงานกรรมกรในประเทศไทย ต้องเป็นคนต่างด้าวที่มีสัญชาติของประเทศคู่ภาคีที่รัฐบาลไทยได้ทำเอ็มโอยู หากปรากฏว่ามีกำลังแรงงานของคนต่างด้าวของประเทศคู่ภาคีไม่เพียงพอต่อความต้องการแล้ว เห็นควรให้มีการพิจารณาจัดทำเอ็มโอยูกับประเทศที่เหมาะสมเพิ่มเติม ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานจะนำเรื่องการเปิดศูนย์เพื่อเก็บข้อมูลแรงงานชั่วคราวของทางการพม่า ณ จ.สมุทรสาคร และมาตรการในการอนุญาตให้คนต่างด้าวที่ประสงค์จะเข้ามาทำงานกรรมกรในประเทศไทยเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาต่อไป

พล.ต.อ.อดุลย์ แถลงต่อไปว่า สำหรับความคืบหน้าการแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานประมงทะเลนั้น ขณะนี้มีผลการนำเข้าแรงงานประมงตามเอ็มโอยูจากประเทศกัมพูชา ลาว พม่า (ข้อมูล ณ วันที่ 26 พฤศจิกายน 2561) ดังนี้ 1.นายจ้าง 1,244 ราย ยื่นคำร้องขอนำเข้าแรงงาน 14,496 คน (พม่า 8,513 คน ลาว 478 คน กัมพูชา 5,505 คน) 2.กระทรวงแรงงานจัดส่งเรื่องไปดำเนินการที่สถานทูต  9,768 คน (พม่า 4,646 คน ลาว 354 คน กัมพูชา 4,768 คน) 3.นายจ้างยื่นขอรับใบอนุญาตทำงานของแรงงานต่างด้าว 1,932 คน (พม่า 87 คน ลาว 67 คน กัมพูชา 1,778 คน) ขณะที่การดำเนินมาตรการเร่งด่วนชั่วคราวในการออกหนังสือคนประจำเรือตามกฎหมายว่าด้วยการประมง ซึ่งกรมประมงได้เปิดให้นายจ้างแจ้งความต้องการจ้างแรงงาน ตั้งแต่วันที่ 15-26 พฤศจิกายน 2561 ณ 22 จังหวัดชายทะเล มีผลการดำเนินการคือ นายจ้างมาแจ้งความต้องการ จำนวน 754 ราย แจ้งความต้องการจ้างแรงงาน 16,351 คน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image