เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ศ.กิตติคุณ นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล ประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูประบบสาธารณสุขด้านการคลังสุขภาพและระบบหลักประกันสุขภาพ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการจัดทำชุดสิทธิประโยชน์หลักและชุดสิทธิประโยชน์เสริมในระบบหลักประกันสุขภาพ 3 กองทุน ได้แก่ บัตรทอง ประกันสังคม และสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ว่า ขณะนี้การกำหนดชุดสิทธิประโยชน์หลักและชุดสิทธิประโยชน์เสริม 1 คืบหน้ากว่าร้อยละ 90 เหลือเพียงการลงรายละเอียด เนื่องจากสิทธิประโยชน์ต่างๆ ของแต่ละกองทุนมีเป็นจำนวนมาก
“ต้องคัดแยกที่มีความเหมือน มีความสำคัญ และมีความจำเป็น เพื่อนำมากำหนดเป็นชุดสิทธิประโยชน์หลัก ส่วนสิทธิประโยชน์ที่เหลือที่ให้ไว้อยู่แล้ว จะกลายเป็นชุดสิทธิประโยชน์เสริม 1 ซึ่งทั้งสองส่วนนี้ประชาชนไม่ต้องออกค่าใช้จ่าย และยืนยันว่าประชาชนจะได้รับสิทธิต่างๆ ไม่น้อยกว่าที่เคยได้รับ หลังจากกำหนดชุดสิทธิประโยชน์หลักและเสริม 1 แล้วเสร็จ จะส่งกลับให้แต่ละกองทุนสุขภาพพิจารณา และทำประชาพิจารณ์ใหญ่ 3 กองทุน อีกครั้งว่าเห็นด้วยหรือไม่ หากเห็นด้วย คณะกรรมการบริหารแต่ละกองทุนจะพิจารณาประกาศใช้ จะให้เร็วที่สุด แต่คงไม่ทันช่วงปีใหม่ 2562” ศ.กิตติคุณ นพ.ภิรมย์ กล่าว
ศ.กิตติคุณ นพ.ภิรมย์ กล่าวว่า สำหรับสิทธิประโยชน์หลักแบ่งเป็นกลุ่มหมวด ตาม 5 กลุ่มวัย คือ ตั้งแต่ก่อนคลอดในหญิงตั้งครรภ์ เด็กเล็ก เด็กโต วัยทำงาน และผู้สูงอายุ ในแต่ละกลุ่มอายุได้สิทธิประโยชน์แตกต่างกัน ทั้งนี้ สิทธิประโยชน์หลัก แบ่งเป็น กลุ่มการรักษาทั้งระดับปฐมภูมิ ทุติยภูมิ และตติยภูมิ การสร้างเสริมสุขภาพ การฟื้นฟูหลังการรักษา การดูแลระยะยาวรองรับสังคมผู้สูงอายุ และการดูแลระยะสุดท้ายอย่างมีศักดิ์ศรี ซึ่งจะมีการกำหนดเป็นรายการ และสำหรับสิทธิประโยชน์เสริม 1 ก็มีลักษณะนี้เช่นกัน
“ส่วนชุดสิทธิประโยชน์เสริม 2 ต้องเชิญสำนักงานคณะกรรมการการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) มาร่วมพิจารณา เน้นเรื่องความพึงพอใจ เช่น บริการห้องพิเศษ ใช้ยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติ เป็นต้น ซึ่งผู้ป่วยต้องมีการจ่ายส่วนเกินเหล่านี้ แต่จะเป็นการเปิดโอกาส และให้มีทางเลือกมากยิ่งขึ้น” ศ.กิตติคุณ นพ.ภิรมย์ กล่าว
ด้าน นพ.ถาวร สกุลพาณิชย์ อนุกรรมการกำหนดและประมาณการค่าใช้จ่ายชุดสิทธิประโยชน์หลักและชุดสิทธิประโยชน์เสริม กล่าวว่า สำหรับชุดสิทธิประโยชน์เสริม 2 เป็นการพัฒนาประกันสุขภาพแบบเสริมสำหรับผู้ที่ต้องการบริการมากกว่าที่กำหนดในสิทธิประโยชน์ของกองทุนภาครัฐ เช่น การวินิจฉัยและการรักษาใดๆ ที่เกินความจำเป็น การรักษาที่อยู่ระหว่างค้นคว้าทดลอง การรักษาภาวะมีบุตรยาก การผสมเทียม การเปลี่ยนเพศ การเสริมสวยโดยไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ เป็นต้น
