เร่งตรวจสอบ ตึกถล่มรามคำแหง เช็กใบอนุญาตวิศวกร หลังมีผู้บาดเจ็บ 2 ราย

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 8 มกราคม ศ.ดร.อมร พิมานมาศ เลขาธิการสภาวิศวกร จาก วสท.ลงพื้นที่ตรวจสอบหาสาเหตุอาคารที่กำลังรื้อถอนทรุดตัวบริเวณปากซอยรามคำแหง 51/2 ถนนรามคำแหงขาออก แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย

ขณะที่วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) นำโดย รศ.เอนก ศิริพานิชกร ประธานสาขาวิศวกรรมโยธา วสท. รศ.สิริวัฒน์ ไชยชนะ ที่ปรึกษา วสท. และทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญจาก วสท. ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุด้วยเช่นกัน

รศ.เอนกกล่าวว่า พื้นที่เกิดเหตุเป็นของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ซึ่งได้ทำการเวนคืนพื้นที่เมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา เพื่อใช้ก่อสร้างสถานีรามคำแหง โดยว่าจ้างผู้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 จนถึงวันเกิดเหตุ เพื่อจะมอบพื้นที่ให้กับบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) และบริษัท ชิโนทัยเอ็นเจียเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มต่อไป

Advertisement

รศ.สิริวัฒน์กล่าวว่า งานด้านวิศวกรรมไม่เพียงใส่ใจแต่งานก่อสร้างเท่านั้น การรื้อถอนนับเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยของประชาชนและสังคมแวดล้อม จำเป็นต้องตรวจสอบการรื้อถอนตั้งแต่การวิเคราะห์ เพื่อวางแผนรื้อถอน ขั้นตอนและวิธีการรื้อถอน อุปกรณ์เครื่องจักรที่นำมาใช้ต้องเหมาะสมและปลอดภัย มีการป้องกันฝุ่นละอองและเศษซาก พร้อมทั้งมีวิศวกรควบคุมใกล้ชิด ตลอดจนมีการสื่อสารประชาสัมพันธ์แก่ผู้สัญจรและผู้อยู่อาศัยบริเวณใกล้เคียงอย่างมีประสิทธิภาพด้วย

วันเกิดเหตุผู้รับจ้างรื้อถอนจาก รฟม.ได้นำรถแบ๊กโฮมารื้อถอนส่วนที่เหลือจากการรื้อถอนในเดือนธันวาคม 2561 ขณะทำการรื้อถอนจากด้านในตัวระเบียงนั้น แผ่นปูนที่เป็นกำแพงผนังของชั้น 2 รับแรงกระแทกไม่ไหว จึงหลุดลงมากระแทกกับกันสาดด้านล่างเป็นเหตุให้เกิดการถล่มลงมาทับคนเดินถนนได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ระหว่างรื้อถอนห้ามคนเดินผ่านฟุตปาธหน้าอาคารเด็ดขาด คนจึงต้องเดินบนถนนแทนทำให้เศษปูนหล่นลงมาระหว่างที่กำลังเดินผ่านได้รับบาดเจ็บ ส่วนอาคารข้างเคียงซึ่งเป็นธนาคารต้องได้รับการตรวจสอบถึงผลกระทบต่อความมั่นคงของอาคาร และจะปรับปรุงแก้ไขอย่างไรสำหรับการใช้งานได้อย่างปลอดภัย

Advertisement

ศ.ดร.อมรกล่าวว่า วันนี้เดินทางมาตรวจสอบอาคารดังกล่าวที่มีการถล่ม ซึ่งเป็นอาคารของ รฟม. สูง 3 ชั้น โดยอาคารดังกล่าวจะต้องมียุทธกร และวิศวกรที่เป็นผู้ดูแล โดยขั้นตอนการรื้อถอนนั้นจะต้องเป็นการรื้อถอนแบบถอนกลับแบบก่อสร้าง ซึ่งเราจะต้องตรวจสอบว่าในการรื้อถอนนั้นผู้รับเหมารื้อถอนส่วนไหนก่อน เพราะหากรื้อถอนผิดจะทำให้เกิดอันตรายได้

ศ.ดร.อมรเปิดเผยต่อว่า โดยหลังจากนี้ เราจะมีการตรวจสอบการออกแบบว่าถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่ถูกต้องหรือไม่ และในส่วนของการควบคุมงานจะต้องมีการตรวจสอบว่าวิศวกรที่คอยดูแลนั้นได้รับใบอนุญาตถูกต้องหรือไม่ หลักจากนี้จะมีการเรียกวิศวกรคนดังกล่าวมาสอบ ซึ่งหากพบว่ามีความผิดจะมีโทษสูงสุดคือเพิกถอนใบอนุญาต โดยขั้นตอนดังกล่าวจะใช้ระยะเวลาประมาณ 3 เดือน

นายนพดล ฉายปัญญา ผู้อำนวยการกองควบคุมอาคารสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ทางสำนักงานเขตจะต้องมาดูแลในเรื่องของมาตรการรื้อถอนว่าทำตามกระบวนการหรือไม่ ซึ่งต้องดูความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก กรณีที่ทางเขตเคยมีคำสั่งระงับการรื้อถอนเมื่อเดือนตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวเป็นสถานที่สาธารณะ มีประชาชนสัญจรไปจำนวนมาก ประกอบกับมีผู้ร้องเรียนว่ามีเศษจากการรื้อถอนตกลงมา เมื่อมาตรวจสอบพบว่าแผงกั้นที่ป้องกันวัสดุตกหล่นไม่เป็นไปตามแผนที่ยื่นกับสำนักงานเขตไว้ก่อนหน้านี้ สำนักงานเขตจึงให้ไปปรับปรุงและแก้ไขให้ถูกต้อง แต่เรื่องดังกล่าวกลับเงียบไปกระทั่งเกิดเหตุขึ้น ซึ่งต่อจากนี้จะตรวจสอบถึงสาเหตุอีกครั้งว่ามาจากสาเหตุใด ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจากสาเหตุใด เกี่ยวข้องกับการที่ทางเขตเคยสั่งให้ระงับการรื้อถอนในช่วงเดือนตุลาคมหรือไม่

พ.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ มีสวัสดิ์ ผกก.สน.หัวหมาก กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าคดี ขณะนี้ได้มีการสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องไปจำนวน 3-4 ปาก ซึ่งประกอบไปด้วยผู้ที่อยู่ในที่เกิดเหตุและเจ้าของอาคารหรือสำนักงานที่ดูแลอาคารดังกล่าว สำหรับการแจ้งข้อกล่าวหานั้นจะต้องให้ทางสำนักงานโยธาเป็นผู้ร้องว่าจะแจ้งข้อกล่าวหาใดและใครบ้าง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image