เปิด 14 ประเด็นแก้ไข ‘หลักเกณฑ์การทำงานภาคประมง’

หมายเหตุ – คณะทำงานปรับปรุงหลักเกณฑ์การดำเนินการให้สอดคล้องกับอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 188 ว่าด้วยการทำงานภาคประมง พ.ศ.2550 (ค.ศ.2007) หรือ C 188 ที่มี นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธาน มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมในสังกัดกระทรวงแรงงาน กรมประมง กรมเจ้าท่า กรมการแพทย์ และศูนย์บัญชาการแก้ไขการทำประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) เข้าร่วม ได้มีการประชุมนัดแรกเมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา เพื่อแก้ไขปัญหาความซ้ำซ้อนของกฎหมาย และผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการบังคับใช้กฎหมายในกิจการประมงที่มีอยู่ในปัจจุบัน ให้สอดคล้องกับบริบทการทำประมงในประเทศไทยและการทำประมงที่ยั่งยืน

สําหรับการหารือครั้งนั้น ได้ร่วมกันพิจารณาถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาจากข้อเรียกร้องของสมาคมประมง 22 จังหวัดชายทะเล จำนวน 14 ประเด็น เพื่อเสนอต่อ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และจะมีการประชุมร่วมกับชาวประมง 22 จังหวัดชายทะเล อีกครั้งในวันที่ 24 มกราคมนี้ ดังนี้

1.อัตราการส่งเงินสมทบเข้ากองทุนเงินทดแทน และการเรียกเงินคืนจากกองทุนฯ กรณีลูกจ้างอยู่ไม่ครบปี

แนวทางแก้ไข คือ การจ่ายเงินสมทบกองทุนฯ ของเจ้าของเรือปีละ 1 ครั้ง โดยคำนวณจากค่าจ้างที่นายจ้างจ่ายให้กับลูกจ้างทุกคนรวมทั้งปี คูณด้วยอัตราเงินสมทบของกิจการประมง ร้อยละ 0.2 ซึ่งหากแรงงานประมงทำงานไม่ครบปี สามารถขอเงินสมทบฯ คืนได้ หากค่าจ้างที่จ่ายจริงน้อยกว่าที่ประเมินเรียกเก็บ

Advertisement

2.การเปิดโอกาสให้สามารถซื้อประกันสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ควบคู่กับประกันของภาคเอกชน ทดแทนการเข้าอยู่ในระบบของประกันสังคม

แนวทางแก้ไข คือ ให้เข้าประกันสังคมได้ โดยจ่ายเงินสมทบรายเดือนร่วมกันระหว่างเจ้าของเรือกับแรงงาน ในอัตราร้อยละ 0.5 ของค่าจ้าง ซึ่งจะได้รับการคุ้มครอง 3 กรณี (ขาดรายได้จากการเจ็บป่วย ทุพพลภาพ และเสียชีวิต) กรณีเจ็บป่วยให้ซื้อประกันสุขภาพจาก สธ.ให้ซื้อประกันสุขภาพของ สธ. ควบคู่กับประกันของเอกชนได้ แต่ต้องไม่ต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนด

3.นิยามเรือประมงที่ทำการประมงเพื่อการค้าŽ ยังไม่ชัดเจน ซึ่งเรือประมงพื้นบ้านจะต้องถูกบังคับใช้ตามกฎหมายด้วยหรือไม่

Advertisement

แนวทางแก้ไข คือ ออกประกาศกรมประมงกำหนดขนาดเรือที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองแรงงานในงานประมง พ.ศ. … ไม่บังคับใช้กับเรือประมงพื้นบ้าน หรือเรือขนาดน้อยกว่า 10 ตันกรอส หรือเรือที่มีการจ้างแรงงานน้อยกว่า 5 คน

4.แนวทางและประเภทเรือที่ต้องขอใบรับรองการตรวจสภาพเรือ

แนวทางแก้ไข คือ ออกประกาศกำหนดให้เรือต้องได้รับการตรวจรับรองสภาพความเป็นอยู่ในเรือประมงทุก 5 ปี โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย บังคับใช้กับเรือที่ออกทำการประมงเกิน 3 วัน และมีความยาวตลอดลำ 26.5 เมตรขึ้นไป หรือเรือที่ออกทำการประมงเกิน 3 วัน และเดินเรือเกิน 200 ไมล์ทะเล ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 209 ลำ โดยให้กรมเจ้าท่าจัดทำรายละเอียดการตรวจสภาพความเป็นอยู่ในเรือให้ชัดเจนว่ามีประเด็นอะไรที่ต้องตรวจบ้าง

5.การจัดที่พักอาศัยบนเรือประมงมีผลบังคับใช้กับเรือขนาดและประเภทใดบ้าง

แนวทางแก้ไข คือ ออกข้อบังคับกรมเจ้าท่าว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับที่พักอาศัยบนเรือประมงบังคับใช้กับเรือต่อใหม่ 300 ตันกรอสขึ้นไป หรือเรือดัดแปลงโดยการขยายขนาดตัวเรือ ซึ่งปัจจุบันเรือที่มีขนาด 300 ตันกรอสขึ้นไป มีจำนวน 120 ลำ ในจำนวนนี้ออกทำการประมง 68 ลำ

6.ความเหมาะสมเกี่ยวกับปริมาณ/คุณภาพของอาหารและเครื่องดื่ม

แนวทางแก้ไข คือ ยกเลิกความในข้อ 16 ของกฎกระทรวงคุ้มครองแรงงานในงานประมงทะเล พ.ศ.2557 เกี่ยวกับอาหารและน้ำดื่ม เพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกับกฎกระทรวงระบบความปลอดภัย สุขอนามัย และสวัสดิภาพในการทำงานคนประจำเรือ พ.ศ.2559 ของกรมประมง ทั้งนี้ ความเหมาะสมเกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่มคือ จะต้องมีปริมาณและคุณภาพที่เพียงพอ ตามสภาพ และวิถีการออกทำการประมงของไทย

7.การเปิดโอกาสให้บุคคลอายุ 16 ปีขึ้นไป ฝึกงานในเรือประมงได้

แนวทางแก้ไข คือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงคุ้มครองแรงงานในงานประมงทะเล พ.ศ.2557 และประกาศคณะกรรมการระดับชาติเพื่อขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย เพื่อขยายให้บุคคลสัญชาติไทยที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 16 ปี สามารถฝึกงานในเรือประมงได้

8.การนำเข้าแรงงานตามเอ็มโอยูใช้เวลานาน และเป็นภาระค่าใช้จ่ายของนายจ้างฝ่ายเดียว ทำให้แรงงานต่างด้าวไม่มีความรับผิดชอบ มักหลบหนีไปทำงานกับนายจ้างรายใหม่

แนวทางแก้ไข คือ บังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวอย่างเคร่งครัด กำหนดแนวปฏิบัติในการป้องกันแรงงานต่างด้าวหลบหนีไปทำงานกับนายจ้างรายอื่น

9.การตรวจสุขภาพ ไม่เห็นด้วยหาก สธ.จะเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มในการตรวจสายตาและการได้ยิน พร้อมขอให้จัดทำคู่มือ/แนวปฏิบัติในการส่งต่อผู้ป่วย

แนวทางแก้ไข คือ ให้ใบรับรองแพทย์เดิมสามารถใช้ได้จนกว่าจะหมดอายุ ส่วนใบรับรองแพทย์ใหม่ให้ตรวจหูและตาเพิ่ม โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่ม (500 บาทเท่าเดิม) สามารถเข้ารับการตรวจได้ทั้งในโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน หรือคลินิกที่กรมการแพทย์รับรอง (โรงพยาบาลเอกชน/คลินิก อาจกำหนดค่าใช้จ่ายในการตรวจเอง) ใบรับรองแพทย์ฉบับนี้ สามารถนำไปใช้ประกอบการยื่นเรื่องขอรับใบอนุญาตต่างๆ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ เช่น ใบอนุญาตทำงาน/หนังสือคนประจำเรือสำหรับแรงงานต่างด้าว (Seabook)/หนังสือคนประจำเรือสำหรับแรงงานไทย (Seaman book) จัดทำคู่มือการส่งต่อผู้ป่วย เพื่อใช้ประกอบการทำงานบนเรือ

10.การนับชั่วโมงพักไม่สอดคล้องกับสภาพการทำงานบนเรือประมง โดยศูนย์ตรวจการเข้า-ออกเรือ หรือไปโป้ (PIPO) บางแห่งมีการตรวจนับชั่วโมงพักยาวติดต่อกัน 10 ชั่วโมง

แนวทางแก้ไข คือ กฎกระทรวงคุ้มครองแรงงานในงานประมงทะเล พ.ศ.2557 กำหนดให้เรือที่ออกทำการประมงจะต้องจัดเวลาพักขั้นต่ำ 10 ชั่วโมง ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และ 77 ชั่วโมง ในช่วงเวลา 7 วัน และให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) /ศปมผ. แจ้งแนวปฏิบัติแก่เจ้าหน้าที่ ณ ศูนย์ PIPO ให้นับเวลาพักช่วงใดก็ได้รวมกันไม่ต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด ทั้งเวลาพักในทะเลและบนบก

11.ขอให้แก้ไขความซ้ำซ้อนของกฎหมายเกี่ยวกับบัญชีรายชื่อลูกเรือ

แนวทางแก้ไข คือ ให้ กสร.แก้ไขกฎกระทรวงคุ้มครองแรงงานในงานประมงทะเล พ.ศ.2557 โดยให้ถือรายชื่อลูกเรือตามกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือในน่านน้ำไทย และระเบียบกรมเจ้าท่าว่าด้วยหลักเกณฑ์การอนุญาตให้ทำการงานในเรือเป็นหลัก และกรมประมงให้ถือรายชื่อลูกเรือตามกฎหมายของกรมเจ้าท่าเป็นหลัก

12.การกำหนดอัตรากำลังตามขนาดของเรือไม่ชัดเจน และปัญหาจำนวนลูกเรือไม่ครบตามที่แจ้งเรือออก (Port Out) ทำให้ไม่สามารถออกทำการประมงได้

แนวทางแก้ไข คือ ให้กรมเจ้าท่าและกรมประมงร่วมกันกำหนดห้วงอัตรากำลังในเรือประมงที่เหมาะสม รวมทั้งให้ ศปมผ.พิจารณาอนุญาตให้เรือออกทำการประมงได้ ตามความจำเป็นเหมาะสม/เหตุสุดวิสัย ในกรณีที่จำนวนแรงงานประมงไม่ครบตามที่แจ้งเรือออกในระบบออนไลน์ ก่อนออกทำการประมงอย่างน้อย 1 ชั่วโมง

13.เงื่อนไขการส่งตัวแรงงานกลับประเทศต้นทาง นายจ้างไม่ควรต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะกรณีที่ลูกจ้างเป็นฝ่ายผิด

แนวทางแก้ไข คือ กรณีที่แรงงานประมงเป็นฝ่ายผิดสัญญา หรือยกเลิกสัญญาเอง หรือไม่มีเหตุอันควร หรือนายจ้างไม่ได้เป็นฝ่ายผิด แรงงานประมงต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการส่งกลับ

14.ปัญหาการจ่ายค่าจ้างผ่านบัญชีธนาคาร/ตู้เอทีเอ็ม สร้างภาระให้กับนายจ้าง/ลูกจ้าง เสนอให้แก้ไขกฎหมายให้สามารถจ่ายเป็นเงินสดและจ่ายค่าจ้างล่วงหน้าได้

แนวทางแก้ไข คือ ให้ กสร.พิจารณาเสนอแนวทางแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงคุ้มครองแรงงานในงานประมงทะเล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561 มาตรา 76 ให้เป็นคุณกับแรงงานและผู้ประกอบการกิจการประมง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image