เมื่อวันที่ 17 มกราคม ที่ศาลาว่าการ กทม. พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยมี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้แทนจากกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กรมอนามัย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย (มท.) กรมฝนหลวงและการบินเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมการขนส่งทางบก องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กระทรวงคมนาคม กองบังคับการตำรวจจราจร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
จากนั้น พล.อ.ฉัตรชัย แถลงว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มอบหมายให้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะวันนี้เกิดความไม่เข้าใจ และมีความสับสนในสังคมมาก เช่น ข้อมูลว่ามีค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) สูง ซึ่งหากจะพูดถึงค่าเอคิวไอจะต้องหมายถึงสาร 6 ตัว ซึ่งหนึ่งในนั้นมีค่าพีเอ็ม คือ PM 2.5 และ PM 10 รวมอยู่ด้วย
พล.อ.ฉัตรชัย แถลงว่า สำหรับการแก้ไขปัญหา PM 2.5 นั้น ที่ผ่านมาทุกหน่วยงานได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล โดยเริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2561 มีการประชุมและเตรียมการมาล่วงหน้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ยอมรับว่ามีการสื่อสารข้อมูลให้ประชาชนรับทราบน้อย ไม่ครอบคลุม
“ขณะนี้ คพ.รายงานว่า ค่า PM 2.5 อยู่ที่ระดับ 49 ไมโครกรัม(มคก.)ต่อลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) อยู่ในระดับปานกลาง แต่หากจะพูดถึงค่า AQI ก็จะรวมสารตัวอื่นๆ ด้วย ซึ่งจะทำให้ตัวเลขดูสูงขึ้น ทำให้ประชาชนตกใจ ขณะนี้ตัวเลขที่เป็นปัญหากับสุขภาพคือ ค่า PM 2.5 ซึ่งหลักๆมาจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ โรงงานอุตสาหกรรม การเผาวัสดุ พืช สัตว์ ปิ้ง ย่าง” พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวและว่า ในการป้องกันโดยเฉพาะการสวมหน้ากากอนามัยนั้น ขณะนี้ได้มอบหมายให้ สธ.ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนว่า ในกรณีที่ต้องเดินทางหรืออยู่ในท้องถนนเป็นเวลาสั้นๆ ยังไม่ถือว่าเป็นอันตรายมาก แต่ถ้าเป็นต้องเข้าไปในจุดที่มีค่า PM 2.5 สูงกว่าระดับปานกลาง และอยู่ในบริเวณนั้นนานเกิน 12 ชั่วโมง ขอให้สวมหน้ากากอนามัยด้วยสำหรับผู้ป่วยที่เข้าไปรักษาตัวในโรงพยาบาลแล้วนั้น สธ.ยืนยันว่าได้มีการเตรียมแผนรองรับไว้แล้ว
พล.อ.ฉัตรชัย แถลงว่า ในส่วนของการบรรเทาปัญหา PM 2.5 ในระยะนี้นั้น ขณะนี้ทุกหน่วยงานได้เร่งบรรเทาปัญหา เช่น ฉีดละอองน้ำ ซึ่งจะทำให้ฝุ่นละอองขนาดใหญ่ลดลง ส่วนการทำฝนเทียมนั้น ยังดำเนินการอยู่ แต่ต้องมีองค์ประกอบพร้อมถึงจะทำได้ อย่างไรก็ตาม ในระยะ 7 วันข้างหน้า ที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า จะมีความกดอากาศจากจีนลงมาอีก จะทำให้ PM 2.5 กระจายตัวได้ช้าลง แต่อธิบดี คพ.ยืนยันแล้วว่ายังอยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมได้
“ขณะนี้ทั้งกรมการขนส่งทางบก ตำรวจจราจร ได้เริ่มใช้มาตรการเข้มข้นในการบรรเทาปัญหา เช่น ตรวจจับรถควันดำ การจำกัดเวลารถบรรทุกวิ่งเข้าออกเมือง และภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ขสมก.จะเปลี่ยนรถเมล์ NGV 3,000 คัน ซึ่งทั้งหมดนี้รัฐบาลได้เตรียมการณ์ไว้แล้ว” พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวและว่า นอกจากนี้ ได้สั่งการในที่ประชุมว่า ต้องมีแผนระยะยาว ซึ่ง คพ.มีแผนดำเนินการแล้ว เช่น เปลี่ยนใช้น้ำมัน B20 ลดการใช้เตาเผา เป็นต้น แต่ขอให้นำมาพิจารณาใหม่ว่ายังไม่ครอบคลุมไปถึงหน่วยงานใดบ้าง
พล.อ.ฉัตรชัย แถลงอีกว่า สำหรับมลพิษทางอากาศนั้น หลายเป็นประเทศก็ประสบปัญหาเช่นกัน โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาว และต่างมีมาตรการออกมามากมาย
“ยืนยันว่าของประเทศไทยก็ทำเต็มที่ รัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้ความสำคัญ และเป็นห่วง ท่านนายกรัฐมนตรีสั่งการเรื่องนี้โดยตรง แต่ยอมรับว่าที่ผ่านมาเรายังสื่อสารให้ประชาชนรับทราบน้อย แต่วันนี้ผมได้ให้ ทส.โดยเฉพาะ คพ. สื่อสารเรื่องนี้ให้มากขึ้น อีกเรื่อง กรณีหน้ากาก N95 ได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ไปตรวจสอบ เพราะมีรายงานว่าขายกันเกินราคา ซึ่งวันนี้ได้รับรายงานว่าจับร้านขายเกินราคาได้ 2 ราย อีกทั้งดูแลไม่ให้มีการกักตุนสินค้าด้วย” พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวและว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานร่วมกัน และประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เร้นซ์เพื่อติดตามแก้ไขปัญหานี้ร่วมกัน ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นและติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการ โดยเฉพาะข้อมูลจาก คพ.และ กทม.
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเผชิญฝุ่นไปถึงเดือนมีนาคมหรือไม่ พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น คาดว่าไม่น่าจะเกินเดือนกุมภาพันธ์นี้ และขออย่าใช้คำว่าเผชิญ เพราะบางพื้นที่ไม่ได้มีปัญหา แต่เป็นปัญหาแค่บางจุดเท่านั้น
เมื่อถามว่าจะคุมหรือห้ามร้านปิ้งย่างหรือไม่ พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า ขณะนี้ คพ.ตรวจสอบอยู่ แต่ไม่ได้ห้ามเพราะร้านต้องทำมาหากิน
