ประชุมหาข้อสรุป ‘สิทธิบัตรกัญชา’ เหลว! ภาคปชช.เดินหน้าฟ้อง หวั่นเป็นเหตุกม.ปลดล็อกล่ม

ล้มเหลว! ภาคประชาชนเดินหน้าฟ้องร้อง หลังประชุมหาข้อสรุป ‘สิทธิบัตรกัญชา’ คว้าน้ำเหลว ไร้เจ้ากระทรวง-อธิบดีกรมทรัพย์สินฯ อ้างติดภารกิจตจว. ไม่สนใจประชาชน พร้อมเรียกร้องประชาชนพิจารณาตัดสินชี้ขาดวันเลือกตั้ง 

เมื่อวันที่ 17 มกราคม  น.ส.กรรณิการ์ กิจติเวชกุล  ผู้ประสานงานกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (เอฟทีเอ ว็อทช์)  กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับกรมทรัพย์สินทางปัญญากรณีทางออกสิทธิบัตรกัญชา ซึ่งปรากฏว่า ระดับผู้บริหารที่มีอำนาจตัดสินใจไม่เข้าร่วม ว่า  การประชุมครั้งนี้เกิดจากที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้มาช่วยหาทางออกร่วมกัน แต่วันนี้เราค่อนข้างสงสัยในเจตนาว่า จะไม่ต้องการยกเลิกสิทธิบัตรที่ขัดม.9 หรือไม่ ซึ่งวันนี้รัฐมนตรีไม่มา และอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาบอกว่าติดราชการไปต่างจังหวัด ซึ่งจริงๆกำหนดการหารือเรานัดกันไปก่อนแล้ว ประเด็นคือ เหมือนไม่ต้องการยกเลิกสิทธิบัตรที่ขัดม.9  ไม่ว่าวงเล็บใดก็ตาม โดยคำอธิบายโดยกรมทรัพย์สินทางปัญญาไปยกเอาแนวปฏิบัติว่าด้วยข้อตกลงทริปส์ มาตรา 27.2  โดยไปยกเอาประเทศที่มีม.9(5) แบบไทยว่า ขัดศีลธรรมอันดี ขัดต่อความสงบ แต่ยกเฉพาะประเทศที่ให้สิทธิบัตรโดยไม่เอาไทม์ไลน์ว่าประเทศเหล่านั้นปลดล็อกกัญชาเมื่อไหร่ เพราะบางประเทศเหล่านั้นให้สิทธิบัตรก็ต่อเมื่อปลดล็อกกัญชาทางการแพทย์แล้ว แต่ไม่ได้เอามาด้วย ส่วนประเทศที่มีมาตรา 9 (5)แบบไทย ก็คือเรื่องของ ขัดต่อศีลธรรมอันดี และความสงบก็ไม่ให้สิทธิบัตรอย่างบราซิล แต่กลับไม่ยกตัวอย่างมาด้วย

“ประเด็นคือ วันนี้กลับบอกว่ามารับฟังเสียงภาคประชาชน ทั้งๆที่มีแนวทางการแก้ไขอยู่แล้ว อย่างมาตรา 30 บอกว่าเมื่อไหร่ที่ประกาศโฆษณาและพบว่า คำขอนั้นไม่ถูกต้องย่อมสามารถยกเลิกได้ทันที แต่กลับไม่ทำ และสิทธิบัตรที่กรมฯอ้างว่ายกเลิกแล้ว เราเห็นว่ามีการยกเลิกจริง แต่ให้ผู้ขอสิทธิบัตรยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 90 วันแต่ยังเหลืออีก 7 คำขอที่มาจากบริษัทเดียวกัน ที่ขัดต่อกฎหมายเช่นกัน แต่กลับไม่ถูกยกเลิก โดยใน 7 ใบนั้น ประกอบด้วยโรคลมบ้าหมู ต่อต้านเนื้องอก โรคลมชัก ยาต้านโรคจิต มะเร็ง บำบัดเรื่องของประสาท  ดังนั้น ต้องบอกว่าประชาชนที่คุณกำลังรอการปลดล็อกทางการแพทย์ พวกคุณได้รับผลกระทบแน่นอน และด้วยเหตุผลเหล่านี้ ทำให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ไม่ทูลเกล้าร่างพ.ร.บ.ยาเสพติดฯที่ปลดล็อกการแพทย์ต่อไป” น.ส.กรรณิการ์ กล่าว

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต  กล่าวว่า ช่วงที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เรียกภาคประชาสังคมมาหารือ ตอนนั้นเราถือว่าเป็นความหวังมาก ซึ่งครั้งนั้นมีเวลาจำกัด จึงมานัดหารืออีกรอบ  ตอนแรกเราคิดว่าครั้งนี้จะจบลง แต่กลับไม่ใช่ ตอนแรกเข้ามารัฐมนตรีไม่เข้าประชุม และอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาก็ไม่เข้าร่วมเช่นกัน จริงๆแล้วประเทศที่ปฏิเสธคำขอสิทธิบัตรที่ขัดกฎหมายก็มี อย่างบราซิล  โดยอ้างว่ากัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษ ดังนั้น จดสิทธิบัตรไม่ได้ แต่รัฐไทยกลับไม่นำเสนอเรื่องนี้ต่อภาคประชาชน และรัฐมนตรีจะรู้เท่าทันหรือไม่ว่า มีประเทศที่ไม่รับจดสิทธิบัตร เพราะเป็นยาเสพติดให้โทษด้วย ซึ่งแต่ละประเทศมีกฎหมายของตัวเอง ดังนั้น จะใช้กฎเกณฑ์ต่างชาติมาใช้กับประเทศไทยไม่ได้

Advertisement

“จริงๆยาเสพติดให้โทษ ไม่ว่าจะกัญชา หรืออะไร หากยังเป็นยาเสพติดให้โทษอยู่ ก็ถือว่าขัดต่อศีลธรรมอันดี ขัดต่อความสงบเรียบร้อย  และเราก็บอกด้วยว่า ประเทศไทยที่ผ่านมาเราวิจัยในมนุษย์ไม่ได้ เพราะติดเรื่องเป็นยาเสพติด แต่ต่างชาติเขาทำได้ และมาจดสิทธิบัตรในไทย แบบนี้เป็นธรรมกับประเทศไทยหรือไม่ แบบนี้เป็นเรื่องของความเหลื่อมล้ำ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เกิดความไม่เท่าเทียมกัน นอกจากจะขัดต่อศีลธรรมอันดีแล้ว ยังขัดต่อสิทธิพื้นฐานของประชาชนที่ไม่มีโอกาสใช้การจดสิทธิบัตรทัดเทียมกับต่างประเทศ ที่สำคัญกรณีสิทธิบัตรที่มีการยกเลิก น่าสนใจว่า 7 คำขอที่เหลือที่ไม่มีการยกเลิกกลับมาจากบริษัทเดียวกันทั้งหมด และเป็นบริษัทเดียวที่มีการประกาศคำขอในรัฐบาลชุดนี้ทั้งสิ้น” นายปานเทพ กล่าว

นายปานเทพ กล่าวอีกว่า น่าสนใจอีกว่าเป็นบริษัทเดียวกันหมด และเป็นบริษัทที่ฝ่ายการเมืองของรัฐบาลไปญี่ปุ่นเพื่อพูดคุยกับบริษัทนี้ด้วย เราจึงเห็นว่าเมื่อการประชุมออกมาในรูปนี้ ไม่มีข้อสรุปใดๆ และไม่มีประโยชน์ และหากมีแบบนี้เราคงไม่มาอีก แต่ก็ดีที่ทำให้ประชาชนได้วัดความจริงใจของรัฐบาล ซึ่งจะนำไปสู่การพิจารณาเลือกตั้ง ประชาชนต้องตัดสินใจในวันเลือกตั้ง ถือเป็นเรื่องน่าอับอายที่กระทรวงพาณิชย์โดยฝ่ายกฎหมายหยิบยกประเทศที่ให้สิทธิบัตรกัญชา แต่ประเทศที่ไม่ให้สิทธิบัตรกัญชากลับไม่เอาข้อมูลมา ที่สำคัญวันนี้เราขอดูหนังสือคำขอสิทธิบัตร ว่าสรุปมีการยกเลิกจริงหรือไม่ เพราะกระทรวงพาณิชย์บอกว่าในเว็บไซต์ยังไม่อับเดต ปรากฏว่าไม่มีหนังสือปฏิเสธคำขออยู่ดี จึงยังไม่มั่นใจว่า สรุปมีการยกเลิกคำขอไปแล้วจริงหรือไม่ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์บอกว่ามีการยกเลิกแล้ว แต่กลับไม่ใช่ จริงๆเพราะอะไรกันแน่

นายคมสัน   โพธิ์คง อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ขอตั้งคำถามว่า รัฐมนตรีและอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา มีความจริงใจหรือไม่ เพราะการประชุมวันนี้ เหมือนภาคประชาชนถูกหลอกให้มาเสียเวลา กับการประชุมที่เป็นข้อแก้ตัวของกรมทรัพย์สินฯ จึงเห็นว่าเหมือนการพายเรือในอ่าง ไม่มีประโยชน์ใดๆ การถือมาตรฐานทริปส์มาใช้กับกัญชา ว่าเป็นสากลแล้ว เพราะมีการจดสิทธิบัตรกันแล้ว แต่จริงๆไม่ใช่ เพราะมีหลายประเทศไม่รับจด ขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศด้วย  อย่างหลายประเทศให้จด เพราะกฎหมายมีการปลดล็อกทางการแพทย์แล้ว แต่กฎหมายที่ไม่ปลดล็อกก็ไม่ให้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   ทั้งนี้  มูลนิธิชีววิถี   มหาวิทยาลัยรังสิต  สภาการแพทย์แผนไทย และ กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (FTA Watch) ออกแถลงการณ์ภายหลังการหารือ ดังนี้  1. การหารือในวันนี้เกิดขึ้นจากการประชุมร่วมเมื่อวันศุกร์ที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ขอให้ภาควิชาการและภาคประชาสังคม ช่วยหาทางออกกับปัญหาสิทธิบัตรกัญชาที่กระทรวงพาณิชย์กำลังเผชิญอยู่ แต่ปรากฏว่า การประชุมในวันนี้ ไม่มีฝ่ายนโยบายในระดับรัฐมนตรี หรือผู้มีอำนาจตัดสินใจในระดับ กรม เช่น อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา หรือรองอธิบดีเข้าร่วมประชุม แต่อย่างใด มีเพียง ผอ.สำนักกฎหมายและ ผอ.กองสิทธิบัตร เข้าร่วมประชุม โดยอ้างว่า อธิบดีติดภารกิจต่างจังหวัด ซึ่งสะท้อนให้เห็นเจตนาที่ไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหา

2.ผลการหารือเพื่อแก้ปัญหาสิทธิบัตรกัญชาระหว่างภาควิชาการ ภาคประชาสังคม และกรมทรัพย์สินทางปัญญา ชัดเจนว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ มีเจตนาไม่ต้องการยกเลิกสิทธิบ้ตรคำขอสิทธิบัตร ที่ขัดมาตรา 9 ที่ว่าด้วยสิ่งประดิษฐ์ที่ไม่ได้รับความคุ้มครอง หรือขอสิทธิบัตรไม่ได้ โดยเฉพาะมาตรา 9(5) ที่ว่าด้วยการประดิษฐ์ที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีอนามัย หรือสวัสดิภาพของประชาชน  โดยทางกรมฯ ยกแนวปฏิบัติของประเทศที่อนุญาตให้จดสิทธิบัตรกัญชา โดยไม่ยกตัวอย่างอีกหลายประเทศที่สาระกฎหมายสิทธิบัตรตาม ม.9(5) ของไทย แต่ปฎิเสธคำขอโดยใช้ประเด็นขัดต่อความสงบเรียบร้อย ด้วยเหตุที่กัญชายังเป็นยาเสพติด เช่น บราซิล และบางประเทศในสหภาพยุโรป เป็นต้น อีกทั้งไม่ได้รายงานเงื่อนเวลาว่า ประเทศที่ให้จดสิทธิบัตร เกิดขึ้นหลังการปลดล็อกการใช้กัญชาทางการแพทย์แล้วหรือไม่ แสดงให้เห็นเจตนาในการเลือกใช้ข้อมูลเพื่อสร้างความชอบธรรมในการไม่ยกคำขอสิทธิบัตรกัญชาที่ค้างคาอยู่

3.ผู้อำนวยการกองกฎหมาย กรมทรัพย์สินทางปัญญา แจ้งผู้เข้าร่วมประชุมเพียงว่า จะรับความคิดเห็นของภาควิชาการและภาคประชาสังคมเท่านั้น เจ้าหน้าที่จะไปพิจารณาดำเนินการต่อ โดยไม่ได้รับปากจะดำเนินการใดๆเพื่อการยกเลิกคำขอแต่ประการใด 4. แม้ว่ากรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ทำหนังสือแจ้งปฏิเสธคำขอรับสิทธิบัตรกัญชา 3 คำขอไปยังผู้ขอแล้วดังนี้ คือ 0501005232, 0601002456 และ 0301001207 ตาม มาตรา 27 โดยให้เวลาอุทธรณ์ 90 วัน และอีก 3 คำขอ ผู้ยื่นขอละทิ้งเอง อย่างไรก็ตาม คำขอสิทธิบัตร เลขที่ 1101003758 ของบริษัท GW Pharma และ Otsuka ซึ่งนายสนธิรัตน์ รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงข่าวเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2561 ว่าได้เพิกถอนไปแล้วนั้น ไม่เป็นความจริง กรมฯยังไม่ได้ดำเนินการเพิกถอน เช่นเดียวกับคำขอของบริษัท GW Pharma และ Otsuka อีก 6 คำขอที่ยังอยู่ในระบบคำขอสิทธิบัตร โดยเป็นคำขอที่เกี่ยวเนื่องกับสิทธิบัตรกัญชาเพื่อรักษาโรคลมบ้าหมู ต่อต้านเนื้องอกรักษาโรคลมชัก ยาต้านโรคจิต รักษามะเร็ง บำบัดประสาท เป็นต้น

“ย้ำอีกครั้งว่า 7 คำขอสิทธิบัตรกัญชาที่เป็นปัญหาขณะนี้ ล้วนแต่เป็นคำขอของบริษัท GW Pharma และ Otsuka ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกับที่ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์รองนายก ไปเยือนทั้งในไทยและญี่ปุ่น อีกทั้งคำขอทั้ง 7 ประกาศโฆษณาและยื่นตรวจสอบในรัฐบาล คสช.ทั้งสิ้น   5.ดังนั้น ตัวแทนภาควิชาการและภาคประชาสังคม เห็นร่วมกันว่าไม่มีประโยชน์ใดๆที่จะเข้าร่วมประชุมเพื่อหาทางออกเรื่องนี้กับกรมทรัพย์สินทางปัญญาและกระทรวงพาณิชย์อีกต่อไป จากความไม่จริงใจจะแก้ปัญหาเพื่อยกเลิกสิทธิบัตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตามคำแถลงก่อนหน้านี้ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ภาคประชาสังคมกัญชาเพื่อการแพทย์ จึงขอประกาศว่า จะดำเนินการโดยการฟ้องร้องต่อศาล พร้อมกับการหารือกับประชาชนทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ และผู้มีอำนาจ เพื่อเคลื่อนไหวทั้งทางสังคมและการเมืองให้มีการยกเลิกคำขอสิทธิบัตรดังกล่าวโดยเร็ว” แถลงการณ์ระบุ

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image