เมื่อวันที่ 20 มกราคม นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัยมหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึงกรณีผลการหารือร่วมกับกรมทรัพย์สินทางปัญญาล้มเหลว เนื่องจากไม่มีสัญญาณว่าจะมีการยกเลิกคำขอสิทธิบัตรกัญชาของต่างชาติ ทั้งที่ผิดพ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ศ.2522 ว่า ขณะนี้ทางมหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมกับภาคประชาสังคม ทั้งมูลนิธิชีววิถี หรือไบโอไทย กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (FTA Watch) จะร่วมกันเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการจับโกหกกรมทรัพย์สินทางปัญญา กรณีสิทธิบัตรกัญชาที่มีปัญหา เพื่อให้สังคมได้รับทราบข้อมูลข้อเท็จจริง นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างจัดหมวดหมู่นโยบายกัญชาของพรรคการเมืองทุกพรรค ว่า มีพรรคการเมืองไหนมีนโยบายเรื่องกัญชา และมีพรรคการเมืองใดไม่มีนโยบาย หรือมีการผูกขาดให้กับรัฐ หรือกลุ่มทุนใดกลุ่มทุนหนึ่ง พวกเราจะทำหน้าที่จัดหมวดหมู่ตรงนี้ให้ชัด
“หลายพรรคการเมืองก็ให้ความสำคัญกับเรื่องกัญชา โดยเน้นไปที่กัญชาเพื่อทางการแพทย์ ขณะที่หลายพรรคก็มีแนวโน้มต้องการให้ประชาชนสามารถเพาะปลูกได้ อย่างไรก็ตาม พวกเราจะเดินหน้าให้ข้อมูลข้อเท็จจริงตรงนี้ว่า จริงๆ เราสามารถยกเลิกสิทธิบัตรกัญชาที่มีปัญหาได้ แต่รัฐบาลกลับไม่ทำ โดยสรุปเราก็จะชี้แจงต่อสังคมให้ทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ขณะเดียวกันในเรื่องการฟ้องร้องต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญากรณีนี้นั้น ก็อยู่ระหว่างร่างคำฟ้องอยู่ แต่ยังไม่เปิดเผยว่าจะฟ้องศาลไหน ขอเวลารวบรวมข้อมูลและเราจะแถลงข่าวอีกครั้ง ที่แน่ๆ ฟ้องก่อนจะมีการเลือกตั้งแน่นอน” นายปานเทพ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการขับเคลื่อนเรื่องสิทธิบัตรกัญชา เพื่อปกป้องคนไทยนั้น จนบัดนี้ภาครัฐก็ไม่ตอบสนอง รู้สึกหมดหวังหรือยัง นายปานเทพ กล่าวว่า เวลายังไม่หมด ตราบใดที่ร่างพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ ยังไม่บังคับใช้ ก็ยังมีหวังในการยกเลิกคำขอสิทธิบัตรกัญชาได้ เนื่องจากเป็นยาเสพติดอยู่ แม้ว่าในทางกฎหมาย เมื่อมีการฟ้องร้องก็อาจใช้เวลาจหลายปี แต่เราก็มีมาตรการสังคมด้วย ซึ่งชัดเจนเลยว่า สังคมก็เห็นด้วยกับเรา เพราะล่าสุดสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) สำรวจเรื่องนี้ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยว่า ต้องยกเลิกสิทธิบัตรกัญชาของต่างชาติ ซึ่งขัดกฎหมายชัดเจน ดังนั้น หากรัฐบาลจัดการไม่ดี ก็จะเสียหายในเวทีเลือกตั้งอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปานเทพ ยังโพสต์เฟซบุ๊ก ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่า การมีสิทธิบัตรกัญชาของต่างชาติคาอยู่ที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา เป็นผลทำให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติที่เกรงว่า พรบ.ยาเสพติดให้โทษ จะเป็นการเตะหมูเข้าปากหมาได้ชะลอการทูลเกล้าฯเพื่อบังคับใช้กฎหมายจนถึงวันนี้ และถ้าการคลายล็อคกัญชาทางการแพทย์ยังไม่สามารถทำได้ ทำได้ไม่ดี หรือเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนในประเทศหรือต่างประเทศแล้ว เมื่อถึงช่วงเวลาการหาเสียงการเลือกตั้งเมื่อใด พรรคพลังประชารัฐก็จะเป็นพรรคการเมืองพรรคเดียวที่ไม่สามารถจะนำประเด็นกัญชาไปหาเสียงได้เลย เพราะขนาดมีอำนาจเต็มยังไม่ทำ หรือทำได้ไม่ดี
“ อีกทั้งยังอาจกลายเป็นประเด็นที่ถูกโจมตีในระหว่างการเลือกตั้งได้ด้วย หากยังไม่สามารถยกเลิกสิทธิบัตรกัญชาของต่างชาติต่างได้ ในสถานการณ์เช่นนี้ก็จะเป็นโอกาสของอีกหลายพรรคการเมืองสามารถใช้ประเด็นกัญชาในการหาเสียงเลือกตั้งเชิงรุกได้มากกว่าพรรคพลังประชารัฐแน่นอน พรรคการเมืองใดจะใช้กัญชากู้ชาติ หรือจะขายชาติก็เลือกเอา แล้วประชาชนจะตัดสินใจด้วยปากกาในมือให้บทเรียนเองในวันเลือกตั้ง” นายปานเทพ กล่าว
