เช้านี้ กทม.-ปริมณฑลอ่วมหนักฝุ่นพิษขึ้นสีแดง 7 จุด -ส้ม 16 จุด เกินมาตรฐานรวม 40 พื้นที่ เหตุลมสงบอากาศลอยตัวไม่ได้ หน่วยงานภาครัฐเร่งงัดมาตรการสู้หวังพรุ่งนี้ลมพัดแรงขึ้น
เมื่อเวลา 07.00 น.วันที่ 22 มกราคม กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) รายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM2.5 ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล จากสภาพอุตุนิยมวิทยาที่อากาศในช่วงเช้า อากาศลอยตัวไม่ดี มีสภาพอากาศปิด ลมสงบ ความเร็วลมส่วนใหญ่ต่ำกว่า 2 กม./ชม. ไม่มีฝน ส่งผลทำให้สถานการณ์ PM2.5 พื้นที่กทม.และปริมณฑล คุณภาพอากาศในภาพรวมอยู่ในระดับ “เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ” (สีส้ม) และ “มีผลกระทบต่อสุขภาพ” (สีแดง) ในบางพื้นที่ โดยมีค่าฝุ่นละอองอยู่ที่ 54-101 มคก./ลบ.ซม. ปริมาณฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน (50 มคก./ลบ.ม. ) รวม 40 พื้นที่ ปริมาณฝุ่นละอองสูงขึ้นจากเมื่อวาน โดยบริเวณพื้นที่ริมถนน คุณภาพอากาศอยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภา(สีแดง) 7 สถานี พื้นที่ทั่วไป คุณภาพอากาศอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ(สีส้ม) 16 สถานี
โดยพื้นที่ที่ตรวจพบค่าฝุ่นเกินมาตรฐานได้แก่ บริเวณริม ถ.กาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน แขวงบางนา เขตบางนา แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ แขวงดินแดง เขตดินแดง ริมถนนพระราม 4 เขตปทุมวัน ริมถ.อินทรพิทักษ์ เขตธนบุรี ริมถ.ลาดพร้าว เขตวังทองหลาง ริมถ.ดินแดง เขตดินแดง แขวงพญาไท เขตพญาไท แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง ต.นครปฐม อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม, ต.บางกรวย อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ต.คลองหนึ่งอ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ต.ตลาด อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง สมุทรปราการ ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ริมถ.คู่ขนานพระราม 2 อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) ตรวจพบค่าระหว่าง 73 – 157มคก./ลบ.ม. เกินมาตรฐานที่บริเวณ เกินมาตรฐานที่บริเวณริมถ.กาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ริมถ.คู่ขนานพระราม 2 อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
ทั้งนี้คาดการณ์ในวันที่ 23 มกราคม จากการพยากรณ์ และแบบจำลองของกรมอุตุนิยมวิทยา การลอยตัวของอากาศจะดีขึ้นเล็กน้อย ลมพัดแรงขึ้นอาจทำให้ฝุ่นละอองมีโอกาสเจือจางลงได้บ้าง คาดว่าคุณภาพอากาศจะอยู่ในระดับ เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยคพ. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง กทม. บก.จร. กรมการขนส่งทางบก กระทรวงสาธารณสุข กรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงคมนาคม และผวจ.ปริมณฑล ทั้ง 5 จ. ได้ประชุมหารือแนวทางในการ ดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหา PM2.5 อย่างต่อเนื่อง เช่น ยกระดับความเข้มข้นของมาตรการตามความรุนแรงของสถานการณ์ ฝุ่นละอองดังนี้
บก.จร. เพิ่ม ความเข้มข้น ในการ ดำเนินการตรวจจับควันดำ ทั้ง 20 จุด รอบ กทม. เพื่อกันรถควันดำเข้ามาในพื้นที่ และจัดจุดตรวจวัด ควันดำ เคลื่อนที่เร็ว 5 ชุด ในพื้นที่ชั้นใน
ขณะที่กรมการขนส่งทางบก จัดชุดตรวจการ 16 ชุด ตรวจรถ ขสมก. โดยได้ตรวจวัดควันดำ รถ ขสมก. กว่า 1,500 คัน และจะตรวจให้ครบ 2,000 คัน นอกจากนี้จะได้เพิ่มในการตรวจรถ ตามพ.ร.บ.ขนส่ง ให้มากยิ่งขึ้น ร่วมกับทางบก.จร. และคพ. ส่วนกระทรวงคมนาคม ได้สั่งการให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) สั่งชะลอกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่น เช่น ขุดดิน เปิดหน้าดิน เป็นต้น จนถึงวันที่ 22 ม.ค.นี้ และร่วมกับ กทม. คืนพื้นผิวจราจร
ในส่วนของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้เพิ่มการ เปิดหน่วยปฏิบัติการ นอกจากที่ภาคตะวันออก (ระยอง) แล้ว จะได้เพิ่ม ที่ ภาคกลาง (นครสวรรค์) ตั้งแต่วันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สนับสนุนรถฉีดพ่นน้ำแรงดันสูง 8 คัน ในพื้นที่กทม.และปริมณฑล และสามารถสนับสนุนเพิ่มได้หากท้องที่ร้องขอ ทั้งนี้ กทม. จะเพิ่มความถี่กวาดล้างทำความสะอาดถนน ควบคุมการก่อสร้าง เร่งคืนพื้นที่ผิวจราจรจากการก่อสร้างรถไฟฟ้า ส่วน 5 จ.ปริมณฑล โดยผู้ว่าราชการจังหวัดได้ออกมาตรการห้ามเผาและตรวจจับควันดำ ซึ่งเมื่อหน่วยงานต่างๆได้ดำเนินมาตรการดังกล่าวอย่างเข้มข้นแล้ว จะสามารถบรรเทาปัญหา PM2.5 ได้มาก และคณะทำงาน PM2.5 เชื่อมั่นว่าสถานการณ์ฝุ่นละออง จะไม่รุนแรงมากนักหากสภาพอากาศ เอื้ออำนวยต่อการกระจายตัวของฝุ่นละออง
เวลา 10.00 น. คพ. รายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM2.5 ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล มีค่าฝุ่นอยู่ที่ 51-93 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ซึ่งค่าฝุ่นตามมาตรฐานอยู่ที่ 50 มคก./ลบ.ม. คุณภาพอากาศอยู่ในระดับ คุณภาพปานกลางถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งค่าฝุ่นที่เกิน 90 มคก./ลบ.ม. ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพมี 2 แห่งคือ ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน สมุทรสาคร, ริมถนนคู่ขนานพระราม 2 อ.เมือง
นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ที่ตรวจพบค่าฝุ่นเกินมาตรฐานได้แก่ บริเวณริมถนนกาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ, แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ, แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ, แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ, ริมถนนพระราม 4 เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ, ริมถนนอินทรพิทักษ์ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ, ริมถนนลาดพร้าว เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ, ริมถนนดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ, แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ, แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ, ต.นครปฐม อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม, ต.บางกรวย อ.บางกรวย นนทบุรี, ต.คลองหนึ่งอ.คลองหลวง ปทุมธานี, ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง สมุทรปราการ, ต.ตลาด อ.พระประแดง สมุทรปราการ, ต.ปากน้ำ อ.เมือง สมุทรปราการ, ต.บางเสาธงอ.บางเสาธง สมุทรปราการ
ฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) ตรวจพบค่าระหว่าง 73 – 157 มคก./ลบ.ม. เกินมาตรฐานที่บริเวณ เกินมาตรฐานที่บริเวณริมถนนกาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ, ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง สมุทรปราการ, ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน สมุทรสาคร, ริมถนนคู่ขนานพระราม 2 อ.เมือง
กรมควบคุมมลพิษ รายงานอีกว่า จากสภาพอุตุนิยมวิทยาที่อากาศในช่วงเช้า อากาศลอยตัวไม่ดี มีสภาพอากาศปิด ลมสงบ ความเร็วลมส่วนใหญ่ต่ำกว่า 2 กม./ชม. ไม่มีฝน ส่งผลทำให้สถานการณ์ PM2.5 พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีปริมาณฝุ่นละอองสูงขึ้นจากวันที่ 20 มกราคม บางแห่งมีผลกระทบต่อสุขภาพ คาดการณ์ในวันที่ 23 มกราคม จากการพยากรณ์ และแบบจำลองของกรมอุตุนิยมวิทยา “การลอยตัวของอากาศจะดีขึ้นเล็กน้อย ลมพัดแรงขึ้น” อาจทำให้ฝุ่นละอองมีโอกาสเจือจางลงได้บ้าง
ทั้งนี้คพ. ได้ประสานงานกับ กทม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง กทม. บก.จร. ขนส่ง กองทัพฯ กรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงคมนาคม และผวจ.ปริมณฑล ทั้ง 5 จว. ดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหา PM2.5 อย่างต่อเนื่อง เช่น บช.น. และ บก.จร. ใช้มาตรการห้ามรถบรรทุกตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไป เข้าเขต กทม. ชั้นในช่วงเวลา 05.00-10.00 น. และ 15.00-22.00 น. รวมถึงตรวจจับรถควันดำอย่างเคร่งครัดและเพิ่มจุดตรวจจับฯเป็น 20 จุด ขนส่ง(กค.) จัดทีมตรวจสอบรถบรรทุกและรถโดยสารประจำทาง และจัดทีมตรวจการเพื่อตรวจสอบถึงอู่รถ ขสมก. หากพบควันดำเกินมาตรฐานจะสั่งห้ามวิ่งเด็ดขาด ขสมก. ได้ปรับเปลี่ยนมาใช้น้ำมัน B20 แทนน้ำมันดีเซลธรรมดา รวมถึงเร่งรัดนำรถเมล์ NGV มาให้บริการ
ขณะที่กทม. กวาดล้างถนนอย่างเข้มงวดทุกวัน พร้อมทั้งฉีดพ่นละอองน้ำด้วยเครื่องความดันสูงเพื่อบรรเทาปัญหาฝุ่นละออง มท. สั่งให้ ผวจ.จังหวัดปริมณฑลเข้มงวดไม่ให้มีการเผาในที่โล่งอย่างเด็ดขาด รฟม.ยกเว้นค่าจอดรถยนต์ในอาคารจอดแล้วจรจำนวน 4 แห่ง ควบคุมพื้นที่การก่อสร้างรถไฟฟ้าและขอให้งดกิจกรรมที่เกิดฝุ่นละอองในช่วงวันที่ 16-22 มกราคม กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ประเมินสถานการณ์เพื่อเตรียมการบินขึ้นทำฝนเทียมทุกวัน
