จากกรณี พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาค 4 (มทภ.4) และผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาค 4 พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจการบุกรุกพื้นที่ป่าเตรียมการเป็นป่าสงวน ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 ในเขตพื้นที่บริเวณป่าสันระเบิด ใกล้อุทยานแห่งชาติแก่งกรุง ต.ตะกุกเหนือ อ.วิภาวดี จ.สุราษฎร์ธานี หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านถึงความไม่ชอบมาพากลของเจ้าหน้าที่รัฐ เกรงกลุ่มนายทุนเข้ามามีอิทธิพล ทำให้ไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ซึ่งพบว่ามีการบุกรุกพื้นที่ป่าดังกล่าวจริง จากร่องรอยการแผ้วถาง ตัดไม้ทำลายป่า และยึดครองเป็นพื้นที่ทำกินจำนวนหลายพันไร่ ทั้งยังมีถนนตัดผ่านเพื่ออำนวยความสะดวกให้กลุ่มนายทุนในการขนย้ายไม้ผิดกฎหมายนั้น
— มทภ.4 บินเห็นกับตา โค่นป่าวิภาวดีนับพันไร่ ตัดถนนขนไม้สะดวก จี้ดำเนินการเข้มงวด
เมื่อวันที่ 28 มกราคม นางอำนวยพร ชลดำรงค์กุล รองอธิบดีและโฆษกกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากนายจงรัก ทรงรัตนพันธุ์ ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (สุราษฎร์ธานี) ว่ากรณีดังกล่าว หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สฎ 6 และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้สุราษฎร์ธานี สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่กองกำกับการสืบสวนภูธร จ.สุราษฎร์ธานีออกตรวจพื้นที่เพื่อขยายผลต่อเนื่องพบการบุกรุกพื้นที่ป่าเตรียมการป่าสงวน ป่าหมายเลข 92 บ้านบางเมาะ หมู่ที่ 9 ต.ตะกุกเหนือ อ.วิภาวดี จ.สุราษฎร์ธานี พบพื้นที่ถูกบุกรุก เพิ่มเติม จำนวน 5 แปลง และพบการลักลอบทำไม้ จำนวน 1 จุด ดังนี้ 1. ตรวจพบพื้นที่ป่าถูกบุกรุกแผ้วถาง 1 แปลง เนื้อที่ 18-3-63 ไร่ ทำการตรวจยึดและร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน ตามคดีอาญาที่ 25/2562 ลงวันที่ 24 มกราคม 2.ทำการตรวจยึดไม้กระยาเลยจำนวน 9 ท่อน ปริมาตร 4.51 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ร้องทุกข์กล่าวโทษ คดีอาญาที่ 26/2562 ยึดทรัพย์ที่ 16/2562 ลงวันที่ 24 มกราคม 3. ตรวจพบพื้นที่ป่าถูกบุกรุกแผ้วถางจำนวน 1 แปลง เนื้อที่ 50-2-65 ไร่ ทำการตรวจยึดและร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน ตามคดีอาญาที่ 27/2562 ลงวันที่ 24 มกราคม
นางอำนวยพร กล่าวอีกว่า 4. ตรวจพบพื้นที่ป่าถูกบุกรุกแผ้วถาง จำนวน 1 แปลง เนื้อที่ 25-0-93 ไร่ และตรวจพบไม้กระยาเลย จำนวน 9 ท่อน 4 เหลี่ยม/ชิ้น ปริมาตร 7.56 ลบ.ม. ทำการตรวจยึดและร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน ตามคดีอาญาที่ 28/2562 ยึดทรัพย์ที่ 17/2562 ลงวันที่ 24 มกราคม 5. ตรวจพบพื้นที่ป่าถูกบุกรุกแผ้วถาง เนื้อที่ 8-0-52 ไร่ ทำการตรวจยึดและร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน ตามคดีอาญาที่ 33/2562 ลงวันที่ 25 มกราคม 6.ตรวจพบพื้นที่ป่าถูกบุกรุกแผ้วถาง เนื้อที่ 1-2-32 ไร่ ทำการตรวจยึดและร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน ตามคดีอาญาที่ 32/2562 ลงวันที่ 25 มกราคม
นางอำนวยพร กล่าวว่า ทั้งนี้เมื่อวันที่ 26 มกราคม คณะของได้ร่วมกันบินสำรวจการบุกรุกพื้นที่ป่า ต.ตะกุกเหนือ อ.วิภาวดี จ.สุราษฎร์ธานี และตรวจพื้นที่ป่าถูกบุกรุก จำนวน 7 แปลง ได้สั่งการให้ชุดปฎิบัติการพิเศษสุราษฎร์ธานีและหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สฎ 6 (คลองท่าไม้แดง) สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทำการขยายผลตรวจสอบพื้นที่ทั้งอำเภอ และได้ดำเนินการออกคำสั่งให้หัวหน้าหน่วยและเจ้าหน้าที่ รวม 3 นาย ไปปฎิบัติราชการนอกพื้นที่อ.วิภาวดีแล้ว เพื่อสะดวกในการสอบข้อเท็จจริงซึ่งสำนักฯได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีการบุกรุกพื้นที่ป่าดังกล่าวข้างต้นแล้ว และจะดำเนินการเร่งรัดผลการสอบข้อเท็จจริงโดยเร็ว
“ที่ผ่านมากรมป่าไม้ได้ประสานการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด ทั้งนี้กรมป่าไม้ได้เร่งให้ สำนักจัดการฯ 11 สุราษฎร์ธานี ให้ไปตรวจสอบพื้นที่นี้ทั้งหมด โดยวันนี้กำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่เพิ่มเติมอีก 7 จุด ในเบื้องต้นพื้นที่ดังกล่าวมีทั้งบุกรุกเก่าที่ได้ดำเนินคดีไปแล้ว และบุกรุกใหม่ ดังนั้นจึงให้เจ้าหน้าที่แยกข้อมูลว่า บุกรุกเก่าตั้งแต่มติ ครม. 30 มิิถุนายน 2541 มีจำนวนเท่าเท่าไร หลังคำสั่ง คสช.ที่ 66/2557 มีการบุกรุกเพิ่มเท่าไร ทั้งนี้ พบว่ามีเจ้าหน้าที่ปล่อยปะละเลย ได้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง และย้ายออกจากพื้นที่แล้ว กำลังรอตัวเลขจาก สำนักจัดการฯ ที่ 11 ทั้งนี้ ล่าสุดนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ ได้สั่งการให้ทีมพยัคฆ์ไพรลงพื้นที่ไปสืบทางลับ เพื่อหาตัวเจ้าหน้าที่ที่กระทำผิดมาลงโทษด้วยแล้ว” รองอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าว
ด้านนายจงรัก กล่าวว่า พื้นที่ป่าหมายเลข 92 เป็นพื้นที่ที่ประสบปัญหาการบุกรุกมานาน โดยมีชาวบ้านเข้ามาบุกรุกปลูกยางพารา เนื่องจากพื้นที่ไม่ได้อยู่ในเขตอุทยานฯ แก่งกรุง หรือพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ แต่เป็นพื้นที่ป่าตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 การบังคับใช้กฎหมายในการรื้อถอนพืชผลอาสินตามกฎหมายอุทยาน หรือกฎหมายป่าสงวนจึงทำไม่ได้ ต้องรอคำสั่งศาลในการดำเนินการ ซึ่งต้นยางพาราหรือพืชผลของชาวบ้านก็โตขึ้นทุกวัน เรื่องนี้จึงยังเป็นปัญหาค้างคาอยู่