เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ แถลงข่าวชี้แจงกรณีกระแสข่าวโครงการปรับปรุงแหล่งน้ำปี 2559 จำนวน 1,689 แห่ง รวมวงเงินกว่า 818 ล้านบาทของกรมทรัพยากรน้ำส่อมีพิรุธ การดำเนินงานโครงการเร่งรีบเกินไป ผู้รับเหมาที่เข้ามารับงานในแต่ละจังหวัดมีไม่กี่ราย และบางรายได้รับงานไปมากกว่า 10 สัญญา ทำให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เข้าตรวจสอบโครงการดังกล่าวนั้น
นายสุพจน์ กล่าวว่า การดำเนินงานโครงการต่างๆ ของกรมทรัพยากรน้ำมีตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักล้าน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะโครงการ สภาพภูมิประเทศ เป็นต้น โดยมีวิธีการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี มีทั้งวิธีตกลงราคา สอบราคาประกวดราคาอี บิดดิ้ง (E-Bidding) ตามวงเงินของโครงการที่สอดคล้องกับวิธีที่ระเบียบกำหนดไว้ ส่วนโครงการปรับปรุงแหล่งน้ำ 1,689 แห่งทั่วประเทศ มีงบประมาณ 818,230,000 บาท เฉลี่ยโครงการละไม่เกิน 5 แสนบาท ซึ่งอยู่ในกรอบวงเงินไม่เกิน 5 แสนบาท อีกทั้งเป็นโครงการเร่งด่วนที่ต้องช่วยเหลือประชาชนจากปัญหาภัยแล้ง จึงจัดหาผู้รับจ้างโดยวิธีตกลงราคาได้ ซึ่งผู้รับจ้างที่ได้ทำสัญญานี้เป็นบริษัทที่ได้ลงทะเบียนกับกรมทรัพยากรน้ำ มีการตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงาน เครื่องไม้เครื่องมือ ผู้รับจ้างบางรายมีศักยภาพสูงจึงสามารถรับงานหลายโครงการได้ตามระเบียบปกติ ทั้งนี้การทำสัญญากันภายในวันที่ 31 มี.ค.2559 โดยกำหนดระยะเวลาให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน หากทำงานไม่เสร็จตามสัญญาก็ต้องชดใช้ค่าปรับและค่าเสียหายตามระเบียบและสัญญาที่กำหนดไว้โดยไม่มีข้อยกเว้น อีกทั้งโครงการปรับปรุงแหล่งน้ำนี้ยังไม่มีการเบิกจ่ายแต่อย่างใด จึงไม่ใช่การเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้รับจ้างตามที่เป็นข่าว
อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กล่าวอีกว่า สำหรับโครงการแหล่งน้ำต่างๆ นั้น มีทั้งงานก่อสร้างท่อลอดเหลี่ยม งานขุดลอกแหล่งน้ำขนาดเล็ก งานก่อสร้างฝายระบบนิเวศ ซึ่งขณะนี้ดำเนินการแล้วเสร็จไปกว่า 30-40 เปอร์เซ็นต์ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนสิ้นเดือนมิ.ย. นี้ อย่างไรก็ตามโครงการดังกล่าวนี้ สตง. ได้เข้าไปตรวจสอบจริง แต่เป็นการตรวจตามปกติที่ทางกระทรวงทรัพยากรฯ ได้ทำข้อตกลงความร่วมมือกับสตง. คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ และมูลนิธิต่อต้านการทุจริต เพื่อร่วมตรวจสอบโครงการให้มีความโปร่งใส และไม่มีการทุจริตเกิดขึ้น
