มหกรรมการแพทย์แผนไทยฯ 4 ภาค ภูมิปัญญาท้องถิ่นจากอดีตสู่ปัจจุบัน

“ช่วงเดือนกุมภาพันธ์จนถึงเดือนมีนาคมนี้ จะมีงานใหญ่สำหรับคนรักสมุนไพร คือ งานมหกรรมการแพทย์แผนไทยและ

การแพทย์พื้นบ้านไทย  ปีที่ 11 ระดับภาคประจำปี 2562 ซึ่งจัดขึ้น 4 ภาค โดยมีไฮไลท์ที่น่าสนใจจากภูมิปัญญาท้องถิ่นจำนวนมาก” นพ.มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวพร้อมอธิบายเพิ่มเติม ว่า ปีนี้กรมฯจะมุ่งพัฒนาสมุนไพร และการรักษาจากภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยให้เป็นที่ยอมรับมากยิ่งขึ้น

โดยมหกรรมปีนี้จัดขึ้น 4 ภาค  เริ่มจังหวัดแรกคือ ภาคกลางและภาคตะวันออก จ.สมุทรปราการ   ณ ลานน้ำพุ ศูนย์การค้าเมกะบางนา ระหว่างวันที่ 7-11 กุมภาพันธ์ 2562 , ครั้งที่  2   ภาคเหนือ จ.ลำพูน ณ แจ่มฟ้าพลาซ่า ระหว่างวันที่ 14-18 กุมภาพันธ์  2562  ครั้งที่ 3  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.สุรินทร์  ณ โรงแรมทองธารินทร์  ระหว่างวันที่ 20-22 กุมภาพันธ์ 2562 และ ครั้งที่ 4  ภาคใต้ จ.นราธิวาส ณ สวนกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ระหว่างวันที่ 10-14 มีนาคม 2562

Advertisement

สำหรับจุดเด่นของงานในแต่ละภาค ได้แก่  ภาคกลางและภาคตะวันออก ปีนี้เจ้าภาพอยู่ที่ จ.สมุทรปราการ ซึ่งจะนำเสนอภูมิปัญญาผลิตภัณฑ์สมุนไพร  อาทิ เหงือกปลาหมอ เป็นพืชพื้นถิ่นในจ.สมุทรปราการ  ที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ และมีปริมาณในพื้นที่ป่าชายเลน ส่วนใหญ่ถูกนำมาในการดูแลสุขภาพ เป็นยาอายุวัฒนะ  โดยขณะนี้มีการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์โดยขั้นตอนง่ายๆ เช่น การบดผง เหงือกปลาหมออัดแคปซูล ซึ่งจะมีการศึกษาพัฒนาต่อยอดให้ได้มาตรฐานยิ่งขึ้น

ภก.รังสรรค์ วงษ์บุญหนัก เภสัชกรชำนาญการพิเศษ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ  (สสจ.สมุทรปราการ) และ นายประยุกต์ ปิติวรยุทธ นักวิชาการสาธารณสุข สสจ.สมุทรปราการ อธิบดายเพิ่มเติมว่า  สำหรับภาคกลาง ภายในงานจะมีการจัดแสดงและให้ความรู้ด้านสมนุไพร รวมทั้งบริดากรด้านการแพทย์แผนไทยฯ อาทิ ลูกประคบจากผ้าขาวม้า ช่วยผ่อนคลาย หายปวด  เหงือกปลาหมอ นอกจากนี้ ยังมีนวัตกรรม “เจลาตินพอกเข่า” รักษาอาการโรคข่อเข่าเสื่อมด้วย ซึ่งเจลาตินพอกเข่านั้น มีหลายสูตร โดยช่วยลดการบวมของข้อและกล้ามเนื้อ ซึ่งตำรับยาพื้นบ้านที่ใช้จะเป็นกลุ่มลดความร้อน ลดการอักเสบ คือ ขิง ไพล ขมิ้น   นอกจากนี้ยังได้  ผสมกับแอลกอฮอล์ เพื่อให้เป็นตัวนำพายาสำคัญเข้าสู่ชั้นผิวหนังได้ดี ซึ่งอันที่จริง สารนำพาที่ว่านั้นมีหลายตัวแล้วแต่ว่าพื้นที่ไหนจะเลือกใช้ตัวใดมากกว่า มีทั้ง แอลกอฮอล์ เกลือ น้ำ น้ำมัน หรือเหล้า เป็นต้น

Advertisement

จุดเด่นของยาพอกเข่า คือ การเป็นเจลาติน เนื่องจากที่ผ่านมาหากเราใช้สมุนไพรพอกเข่าตรงๆ จะมีปัญหาสีของสมุนไพรไปติดตามร่างกาย เสื้อผ้าของผู้พอก ทีมวิจัยจึงได้พัฒนาจากมาร์คผิวหน้า โดยใช้ผงเจลาตินเข้ามาผสมแทน เพื่อให้การพอกเข่าทำได้อย่างสะดวก ลอกออกง่ายและสีสมุนไพรก็ไม่ติดตามร่างกายและเสื้อผ้า   โดยที่ผ่านมาได้นำไปใช้กับกลุ่มผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมในคลินิกของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เมืองใหม่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยพอกทิ้งไว้ 15-30 นาที พบว่าช่วยลดอาการปวดได้ดี ตั้งแต่ครั้งแรกที่ร้อยละ 30 และหากใช้ต่อเนื่องช่วยลดอาการปวดได้ร้อยละ 65

ภก.รังสรรค์ บอกว่า เจลาตินพอกเข่าพบว่า ช่วยลดอาการปวดบวมเทียบเท่ากับยานวดแผนปัจจุบัน  ซึ่งเราก็พยายามลดการใช้ยาแผนปัจจุบัน เน้นการใช้ยาสมเหตุสมผลมากขึ้น ซึ่งในส่วนของการรักษาด้วยเจลาตินพอกเข่า มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาด้วยวิธีนี้ประมาณเดือนละ 400-500 คน  ขณะนี้กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายการใช้ให้ครอบคลุม รพ.สต.อื่นๆ และรพ.ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขอื่นๆในอนาคต

ส่วนภาคเหนือ ชูตำรับยาล้านนา “ตำฮายาหริภุญชัย”  ซึ่งเป็นตำรับยาของจ.ลำพูนในการรักษาโรคต่างๆ  และยังมีหมออินสม สิทธิตัน ซึ่งเป็นหมอเมืองผู้สืบสานภูมิปัญญาการแพทย์พื้นบ้านของล้านนา แห่งบ้านป่าป๋วย ต.บ้านโฮ่ง อ.บ้างโฮ่ง จ.ลำพูน ซึ่งได้รับรางวัลหมอไทยดีเด่นแห่งชาติพ.ศ. 2557   โดยจะมีในเรื่องการตอกเส้นบำบัดรักษา  แก้ปวดเส้น เป็นต้น

 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  นำเสนอเรื่อง “หมอเด่น ยาดี เชิญที่อีสาน”  โดยจะมีหมอพื้นบ้านอีสานที่ได้รับการยกเย่องให้เป็นหมอไทยดีเด่นแห่งชาติ มีการนำเสนอการรักษาแบบพื้นบ้าน เช่น การลากไข่วินิจฉัยโรค สมุนไพรรักษาพิษงู เฝือกไม้ไผ่ เป็นต้น

หมอพื้นบ้านภาคอีสาน

ส่วนภาคใต้    ชูการนวดลังกาสุกะ    เป็นการนวดน้ำมันเกิดขึ้นจากการรวบรวมองค์ความรู้จากหมอพื้นบ้าน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นำมาผสมผสานเข้ากับการนวดแผนไทยตำรับราชสำนักเข้าด้วยกัน ในอดีตการนวดในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้จะมีแค่เฉพาะการนวดผู้หญิงหลังคลอด โดยโต๊ะบีแด(หมอตำแย) และนวดเพื่อแก้ปวดเมื่อยสำหรับผู้ชายเท่านั้น แต่เมื่อมาเป็นการนวดผสมผสานหลายศาสตร์ การนวดน้ำมันลังกาสุกะ จึงมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนกัน

โดยความพิเศษ คือ สูตรน้ำมันนวดลังกาสุกะ ซึ่งได้มาจากการคัดเลือกสมุนไพรที่ดีที่สุดของโต๊ะบีแดถึง 15 คน และต้องนำมาต้มกับน้ำมันงาและน้ำมันถั่วเหลือง และผสมกับน้ำมันฮาบาตุสเซาดะห์ หรือน้ำมันยี่หร่าดำที่ชาวมุสลิมเชื่อว่า สามารถรักษาโรคได้ทุกชนิด ซึ่งประโยชน์จะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย และผิวหนังชุ่มชื้น โดยการทำให้น้ำมันซึมเข้าผิวหนังได้ดีต้องทำควบคู่กับการประคบร้อนด้วย ก้อนหินเพื่อกระตุ้นระบบการไหลเวียนของเลือด ผ่อนคลายเส้นเอ็นและเนื้อเยื่อพังผืดต่างๆ สำหรับการนวดดังกล่าวไม่มีข้อห้ามใดๆ สามารถนวดได้ทุกเพศทุกวัย แต่เพื่อให้ได้ผลดีจะเหมาะที่สุด กับกลุ่มที่มีปัญหาหัวเข่า โดยเฉพาะผู้สูงอายุ และหญิงวัยหมดประจำเดือนที่มีปัญหาเข่าเสื่อม

นอกจากนี้ ยังนำเสนอองค์ความรู้อื่นๆ อย่างสมุนไพรรักษาแผลฝีเย็บ คือ รากแงดูฆี หรือไมยราบ เอาไปตากแห้งแล้วนำมาต้มดื่ม ช่วยป้องกันไม่ให้ช่องคลอดแฉะ ยังมีจือกานี หรือเบญกานี ใช้ลูกเบญกานีมาฝนกับน้ำและใช้สำลีชุบน้ำเบญกานี ทาบริเวณช่องคลอด โดยให้มารดาทาหลังอาบน้ำทุกครั้ง เพื่อสมานแผนบริเวณช่องคลอด และหากนำมาต้มดื่มติดต่อกัน 7 วัน หลังจากนั้นให้ดื่มน้ำต้มที่ใส่ขมิ้นผสมเม็ดพริกไทย จะลดกลิ่นคาวของมารดา สมานแผลภายในและให้มดลูกเข้าอู

อยากรู้ว่าภายในงานยังมีไฮไลท์อะไรอีก ต้องไม่พลาดร่วมงานมหกรรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้านไทย 4 ภาค ไปดูของจริงจากภูมิปัญญาแพทย์พื้นบ้านไทยกันได้ในงานนี้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image