เมื่อเร็วๆ นี้ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา กล่าวภายหลังการประชุมแต่งตั้งคณะผู้บริหารแพทยสภาชุดใหม่ และได้รับแต่งตั้งเป็นนายกแพทยสภาคนใหม่ แทน ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา ซึ่งหมดวาระลง ว่าแพทยสภาเป็นองค์กรที่ถูกตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2511 เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศและประชาชน ซึ่งนโยบายเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการในวาระที่ดำรงตำแหน่งระหว่าง พ.ศ. 2562-2564 คือ การเสริมความไว้วางใจของสังคมและแพทย์ต่อแพทยสภา การฝึกอบรมและสอบของแพทย์ในสาขาต่างๆ แก้ไข พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. …. การจัดระเบียบบริหารจัดการของสำนักงานเลขาธิการแพทยสภา อาคารสภาวิชาชีพต้องเร่งรัดให้เสร็จโดยเร็ว
พญ.สมศรีกล่าวว่า ในการปรับแก้ไข พ.ร.บ.วิชาชีพฯก็ต้องไปพิจารณาว่า มีอะไรที่ไม่ทันสมัยก็ให้ปรับปรุงใหม่ โดยได้มอบหมายทางเลขาธิการไปดำเนินการ และที่สำคัญจากการที่เป็นองค์กรดูแลสุขภาพของประชาชนด้วย และดูแลกรอบจริยธรรมของแพทย์ทุกท่านให้อยู่ในกรอบจริยธรรม ในกฎระเบียบ ซึ่งหากแพทย์มีความตั้งใจทำให้คนไข้วางใจ คนไข้ก็ได้รับการดูแล ทั้งสองฝ่ายก็จะมีความสัมพันธ์ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ทุกหน่วยงานมีทั้งคนดีและไม่ดี แพทย์ก็เช่นกัน ที่ไม่ดีก็แค่ส่วนหนึ่ง หลายส่วนก็ไม่ได้ตั้งใจในหลายเรื่อง แต่หากใครผิดก็มีกฎระเบียบในการดำเนินการอยู่ ส่วนหมอบางคนอาจเหนื่อยมาก พูดจาไม่ไพเราะ แต่หากคนไข้เข้าใจก็จะไม่มีปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในช่วง 2 ปีที่ดำรงตำแหน่งแสดงว่าทีมผู้บริหารแพทยสภาชุดใหม่จะเดินหน้าสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแพทย์กับคนไข้มากขึ้น พญ.สมศรีกล่าวว่า แน่นอน ซึ่งทำมาโดยตลอด จริงๆ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่แพทยสภา แพทยสมาคมฯก็มีการดำเนินการเช่นกัน ก็ทำงานร่วมกัน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีข้อเรียกร้องให้แพทยสภาพิจารณาข้อร้องเรียนแพทย์ต่างๆ รวดเร็วขึ้น พญ.สมศรีกล่าวว่า ทางฝ่ายสอบสวนจริยธรรม พยายามจะแก้ พ.ร.บ.อยู่ ที่ผ่านมาอาจถูกมองว่าการพิจารณาหลายอย่างไม่รวดเร็ว เพราะจริงๆ ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ที่กำหนดไว้ ซึ่งขณะนี้มีการหารือกันว่าจะต้องลดขั้นตอนแต่ต้องถูกต้อง เพื่อให้รวดเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการพิจารณาก็ไม่ใช่แค่เรื่องขั้นตอน แต่ยังมีเรื่องระหว่างการพิจารณาที่ต้องเชิญผู้ที่เกี่ยวข้อง การเชิญหลายครั้งไม่มาก็มี ซึ่งทางแพทยสภาก็จะให้โอกาสประมาณ 2-3 ครั้งจนแจ้งปฏิเสธจริงๆ ซึ่งหลายครั้งตนเคยโทรไปขอให้มาด้วย ดังนั้น ในการลดขั้นตอนก็จะมีการแก้ พ.ร.บ. แต่ก็ต้องพิจารณาว่าอันไหนที่สามารถแก้ตรงข้อบังคับแพทยสภาได้ก็จะแก้เป็นข้อบังคับแทน เพราะหากรอ พ.ร.บ.อาจต้องใช้เวลานาน
