21 องค์กรสตรีจี้ “บิ๊กตู่” ถอนร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมครอบครัวฯ ฉบับใหม่ ชี้ไร้ประสิทธิภาพ เสี่ยงผู้หญิง-เด็กถูกทำร้ายซ้ำซาก
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 12 กุมภาพันธ์ ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล องค์กรด้านสตรี 21 องค์กร นำโดย นางสาวนัยนา สุภาพึ่ง ผอ.มูลนิธิธีรนาถ กาญจนอักษร พร้อมด้วย ดร.วราภรณ์ แช่มสนิท ผู้จัดการแผนงานสุขภาวะผู้หญิงและความเป็นธรรมทางเพศ พร้อมเครือข่ายผู้หญิงได้เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้ถอนร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาและคุ้มครองสถาบันครอบครัว พ.ศ. … ซึ่งผ่านขั้นตอนการพิจารณาของกรรมาธิการวิสามัญในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แล้ว โดยมีผู้อำนวยการศูนย์รับจดหมายแทน
ดร.วราภรณ์ แช่มสนิท ผู้จัดการแผนงานสุขภาวะผู้หญิงและความเป็นธรรมทางเพศ กล่าวว่า องค์กรสตรีมองว่าเนื้อหาของร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวยังมีจุดอ่อนและข้อบกพร่องหลายประการ
ขณะที่ นางสาวนัยนา สุภาพึ่ง ผอ.มูลนิธิธีรนาถ กาญจนอักษร กล่าวเสริมว่า ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้แทนที่จะเน้นการคุ้มครองสิทธิและสวัสดิภาพของผู้ที่ถูกทำร้าย กลับไปชูประเด็นให้ผู้ที่ใช้ความรุนแรงในครอบครัวได้มีโอกาสกลับตัวและไม่กระทำผิดซ้ำเป็นเจตนารมณ์หลัก รวมถึงยังไปยกเลิกโทษอาญาในความผิดฐานกระทำความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งระบุไว้ใน พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550 ที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน เท่ากับเป็นการผลักให้ผู้ถูกกระทำรุนแรงในครอบครัวต้องหันไปพึ่งประมวลกฎหมายอาญาเหมือนกรณีการทำร้ายร่างกายทั่วไป ซึ่งไม่ครอบคลุมและขาดความละเอียดอ่อนต่อรูปแบบการใช้ความรุนแรงในครอบครัว
นอกจากนี้ ร่าง พ.ร.บ.นี้ยังไปลดบทบาทเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ระบุไว้ในกฎหมายเดิม และกำหนดให้หน้าที่การคุ้มครองสวัสดิภาพไปรวมศูนย์อยู่ที่ศูนย์ส่งเสริมและคุ้มครองครอบครัว เป็นหน่วยงานใหม่ที่จะจัดตั้งขึ้นภายใต้กระทรวง พม. ซึ่งจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่การคุ้มครองสวัสดิภาพและความปลอดภัยของผู้เสียหายจะด้อยประสิทธิภาพ ส่งผลให้ผู้หญิง เด็กและคนในครอบครัวที่ถูกทำร้ายมีโอกาสที่จะถูกทำร้ายซ้ำ
“ที่ผ่านมาเครือข่ายองค์กรภาคประชาสังคมด้านผู้หญิง เด็กและครอบครัว ได้เคลื่อนไหวทั้งการยื่นหนังสือต่อประธาน สนช.ให้ชะลอการพิจารณาร่างกฎหมายนี้ จัดเวทีเสวนาคัดค้านที่สมาคมนักข่าวฯ แต่ก็ไม่เป็นผล วันนี้จึงมาเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ถอนร่างกฎหมายนี้ออกจากกระบวนการพิจารณาของ สนช.โดยทันที แล้วนำมาปรับปรุงแก้ไขให้เป็นกฎหมายที่มีประสิทธิภาพ และอำนวยความยุติธรรมแก่ผู้ถูกกระทำรุนแรงในครอบครัวได้อย่างแท้จริง” นางสาวนัยนากล่าว
