ก.แรงงาน-จุฬาฯ จ่อเอ็มโอยูตั้ง ‘ศูนย์วิจัยแรงงานแห่งชาติ’ วางบิ๊กดาต้ารับเทคโนโลยี 4.0

เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่อาคารจามจุรี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม รองอธิการบดี กำกับดูแลด้านการวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม จุฬาฯ ร่วมประชุมคณะกรรมการอำนวยการศูนย์วิจัยแรงงานแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2562 โดยมีคณะทำงานกระทรวงแรงงาน และจุฬาฯ ร่วมพิจารณาถึงแนวทางความร่วมมือในการจัดตั้งศูนย์วิจัยแรงงานแห่งชาติ เพื่อกำหนดนโยบายและกรอบแนวทางความร่วมมือ และการดำเนินงานร่วมกันอย่างชัดเจน ซึ่งได้พิจารณาจัดทำร่างบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาการวิจัยและนักวิจัยด้านแรงงาน ระหว่างกระทรวงแรงงานกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และร่างกำหนดการพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ เพื่อให้ที่ประชุมร่วมกันพิจารณา

นายจรินทร์ กล่าวว่า สาระสำคัญของร่างบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาการวิจัยและนักวิจัยด้านแรงงาน และร่างกำหนดการพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ เพื่อให้การดำเนินงานเกิดประสิทธิภาพสูงสุดและบรรลุตามวัตถุประสงค์ 1.เป็นศูนย์ประสานความร่วมมือด้านการวิจัย ระหว่างสองหน่วยงาน เพื่อสร้างความร่วมมือเชิงวิชาการกับเครือข่ายกับสถาบันการศึกษา ภาครัฐ ภาคเอกชน และระหว่างประเทศ 2.เพื่อพัฒนาศักยภาพนักวิจัยของกระทรวงแรงงานและจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 3.เพื่อกำหนดประเด็นการวิจัยที่สำคัญและดำเนินการวิจัยร่วมกัน ในการพัฒนาแรงงานให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) 4.เพื่อพัฒนาความร่วมมือทางวิชาการและรองรับความร่วมมือกับภาคีด้านแรงงานทั้งในและต่างประเทศ และ 5.เพื่อพัฒนาฐานข้อมูลด้านแรงงานเป็น Big data และการพัฒนาบุคลากรด้านการวิเคราะห์ข้อมูล ในการวิจัยเชิงนโยบายเพื่อให้เกิดประโยชน์ทางวิชาการและประโยชน์ต่อประชาชน ตามนโยบายของรัฐบาล และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

“การเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยีแบบก้าวกระโดด (Disruptive technology) และปัญญาประดิษฐ์ (AI ) จะส่งผลต่อตลาดแรงงานทั้งในระบบและนอกระบบ รวมทั้งผู้ประกอบการ กระทรวงแรงงาน จึงได้ร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเพื่อดำเนินงานจัดตั้งศูนย์วิจัยแรงงานแห่งชาติ ให้เป็นศูนย์ที่สามารถบูรณาการและบริหารจัดการฐานข้อมูลด้านแรงงานของประเทศได้อย่างครบวงจร รวมถึงเป็นศูนย์กลางในการศึกษาวิจัยประเด็นด้านแรงงาน ยกระดับการพัฒนาฐานข้อมูลและใช้ประโยชน์จากงานวิจัยประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบาย รวมถึงเป็นฐานข้อมูลที่ทุกภาคส่วนสามารถนำไปใช้ประโยชน์ และสามารถวางแผนอนาคตในการพัฒนาแรงงานให้ก้าวทันและรองรับการเปลี่ยนแปลงในยุค 4.0 ได้อย่างยั่งยืนและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด” นายจรินทร์ กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image