ปลัด สธ.กำชับ สสจ.ทั่วปท.เฝ้าระวัง ‘ไข้เลือดออก’ คาดการณ์ทั้งปีอาจทะลุ 1.5 แสนราย

เมื่อวันที่ 12 มีนาคม นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เร็นซ์ ร่วมกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) ทั่วประเทศ เพื่อเตรียมมาตรการป้องกันไข้เลือดออกว่า ในปี 2562 มีการคาดการณ์ว่าจะมีระบาดมาก อาจมียอดผู้ป่วยสูงถึง 1.5 แสนราย เพราะมีสัญญาณแปลกพบผู้ป่วยช่วงต้นปีค่อนข้างสูง ทั้งที่ไม่ใช่ช่วงของการระบาดปกติ อีกทั้งขณะนี้ยังพบมีพื้นที่สีแดงกว่า 337 อำเภอทั่วประเทศ ดังนั้นจึงได้สั่งการให้มีการประเมินความเสี่ยงของพื้นที่ ร่วมมือกับจังหวัดออกกำจัดลูกน้ำยุงลายตามสถานที่ต่างๆ ไม่ให้มีดัชนีลูกน้ำยุงลายเกินร้อยละ 5 แต่ในโรงพยาบาลต้องให้มีดัชนีลูกน้ำยุงลายเป็นร้อยละ 0 เพราะไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคเข้ามารักษาโรคหนึ่งแล้วกลับต้องติดเชื้อไข้เลือดออกกลับไป

นพ.สุขุม กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ยังได้ให้มีระบบผู้เชี่ยวชาญทั้งด้านกุมารแพทย์ และอายุรแพทย์ เพราะปัจจุบันผู้ป่วยไข้เลือดออกไม่ได้มีเฉพาะเด็กเท่านั้น แต่ยังพบในผู้ใหญ่ด้วย โดยเฉพาะผู้สูงอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป พบว่ามีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าวัยอื่นๆ ถึง 10 เท่า ดังนั้นต้องเข้มเฝ้าระวังเรื่องนี้ด้วย ให้ระบบการจับคู่พี่เลี้ยงให้กับแพทย์จบใหม่ด้วย เพราะอาจจะยังไม่คุ้นเคยกับโรค รวมถึงประสานความร่วมมือไปยังร้านขายยา และคลินิกต่างๆ ให้เฝ้าระวังเช่นกัน เพราะพบข้อมูลว่า มีผู้ใหญ่จำนวนไม่น้อยที่ไปซื้อยากินเองโดยที่ไม่ทราบว่าติดเชื้อไข้เลือกออกทำให้โรครุนแรงขึ้น หรือเสียชีวิตเพราะไปรักษาช้า ดังนั้นต้องมีการสังเกตอาการผู้ป่วย หากสงสัยต้องส่งตรวจเลือด และระวังการจ่ายยากลุ่มเอ็นเสด แอสไพริน เพราะจะทำให้โรครุนแรงขึ้น ทั้งนี้หากพบผู้ป่วย 1 ราย ต้องรีบรายงานข้อมูลจริงเข้าระบบ เพื่อให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซึ่งเป็นสถานพยาบาลในชุมชนเข้าไปยังบ้านที่มีผู้ป่วยภายใน 3 ชั่วโมง เพื่อกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายให้เสร็จภายใน 1 วัน และติดตามต่อเนื่องไปจนถึง 28 วัน

จากข้อมูลประกอบการประชุมทางไกลฯ มีรายงานสถานการณ์ผู้ป่วยไข้เลือดออก ในช่วง 8 สัปดาห์แรกของปี 2562 เทียบกับปี 2561 พบว่าปี 2562 มีผู้ป่วย 9,044 ราย เสียชีวิต 7 ราย อยู่ระหว่างการสอบสวนว่าเสียชีวิตเพราะไข้เลือดออกหรือไม่อีก 8 ราย อัตราป่วยอยู่ที่ 13.69 ต่อแสนประชากร อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ร้อยละ 0.17 ส่วนปี 2561 มีผู้ป่วย 3,651 ราย เสียชีวิต 8 ราย อัตราการป่วยอยู่ที่ 5.55 ต่อแสนประชากร และอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ร้อยละ 0.22 สำหรับข้อมูลการป่วยเฉพาะปี 2562 พบว่าป่วยมากสุดในกลุ่มอายุ 0-4 ปี 576 ราย เสียชีวิต 1 ราย อายุ 5-14 ปี ป่วย 3,522 ราย เสียชีวิต 4 ราย อายุ 15-34 ปี ป่วย3,458 ราย เสียชีวิต 4 ราย อายุ 35-59 ปี ป่วย 1,215 ราย เสียชีวิต 3 ราย และอายุ 60 ปีขึ้นไป ป่วย 273 ราย เสียชีวิต 3 ราย โดยสรุปผู้ป่วยที่เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นวัยผู้ใหญ่ เนื่องจากมีโรคประจำตัว คือ ความดันโลหิตสูง หัวใจขาดเลือด เบาหวาน ซื้อยากินเอง ไปรักษาโรคอื่นที่มีการให้ยากลุ่มเอ็ดเสด และสเตียรอยด์

Advertisement

จากข้อมูลประกอบการประชุม ยังระบุถึงพื้นที่ที่พบการระบาดของไข้เลือดออก ขณะนี้พบพื้นที่ระบาดสีแดง 337 อำเภอ พื้นที่เสี่ยงสีเหลือง 222 อำเภอ โดยพบการระบาดขยายวงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางและตอนล่าง เช่น นครราชสีมา อุบลราชธานี สุรินทร์ ศรีสะเกษ ฯลฯ ทั้งนี้ จากที่ประชุมได้มีการสั่งดำเนินการป้องกันอย่างเข้มข้นในช่วงต้นปีไปจนถึงเดือนเมษายนนี้ ซึ่งหากทำได้ดีจะช่วยลดการระบาดได้ในช่วงฤดูฝน และอาจจะทำให้ยอดผู้ป่วยไม่สูงถึง 1.5 แสนราย ตามที่มีการคาดการณ์ไว้ในตอนแรก

 

 

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image