สสส.-สช.ร่วมภาคประชาชน สร้างถนนปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ

สสส.จับมือ สช. ประกาศเจตนารมณ์ร่วมกับภาคประชาชน ประสานเครือข่ายรัฐ-ภาคเอกชน-ประชาชน เปิดพื้นที่นำร่อง 10 จังหวัด ร่วมแก้ 30 จุดเสี่ยง สร้างถนนปลอดภัย ตั้งเป้าครบ 77 จังหวัดในปีนี้

เมื่อวันที่ 2 เมษายน ที่ลานสวนเพลิน ทพ.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และ นพ.พลเดช ปิ่นประทีป เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เปิดกิจกรรม “Thailand Big move Road Safety” เพื่อรณรงค์ลดอุบัติเหตุสู่เส้นทางถนนปลอดภัย โดย สสส.ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) และภาคีเครือข่าย ได้ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์แสดงพลังเครือข่ายภาคประชาชน ประกาศเจตนารมณ์ภาคประชาชนร่วมเป็นกำลังในการช่วยสอดส่องดูแลให้ถนนปลอดภัยไร้อุบัติเหตุ และภายในงานยังมีการถ่ายทอดสดจากจังหวัดนำร่องจุดเสี่ยงกลายเป็นถนนปลอดภัย 4 ภาค 4 พื้นที่

ทพ.สุปรีดากล่าวว่า จากประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา สสส.และภาคีเครือข่ายรวมทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ได้ร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนของประเทศในระดับหนึ่ง แต่ปัญหาและสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในบ้านเรามีองค์ประกอบหลักสำคัญ 3 อย่างคือ คน รถ ถนนและสิ่งแวดล้อม เรื่อง “คน” ดูจะเป็นปัญหาสำคัญ เพราะจากการวิเคราะห์ของทางฝ่ายวิชาการ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่าสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมการขับขี่ ล่าสุดปี 2561 มีการออกใบสั่งจำนวน 11,734,415 ใบ และมีจำนวนผู้ชำระค่าปรับเพียงร้อยละ 18 และยังพบว่าคนไทยมีใบสั่งซ้อนสูงสุด 144 ใบ ใน 1 ปี ซึ่งเป็นรถขนส่งของภาคเอกชน เห็นชัดว่าบ้านเรายังต้องทำงานกับเรื่องการปรับพฤติกรรมอีกมาก และในส่วนของ “ถนน” บ้านเรามีถนนที่อยู่ในความดูแลของหลายหน่วยงาน ซึ่งยังนับว่ามี “จุดเสี่ยง” อยู่มาก ถ้าหากประชาชนได้เข้ามาร่วมชี้จุดเสี่ยง คอยสอดส่องเป็นหูเป็นตาให้หน่วยงานรัฐ/หน่วยงานเจ้าของถนน ได้ดำเนินการแก้ไข ก็จะช่วยได้มาก เพราะทางวิชาการชี้ว่าองค์ประกอบของสาเหตุอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น 27% เกิดจากถนนและสิ่งแวดล้อม ซึ่งก็คือ “จุดเสี่ยง” (ข้อมูลจากศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย) เริ่มจากตรงนี้ร่วมกัน ลามไปจนช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องอื่นๆ ต่อไป

นพ.พลเดช ปิ่นประทีป เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) กล่าวว่า มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ได้ให้ความสำคัญกับการลดปัญหาอุบัติเหตุมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราต้องวางมาตรการ สร้างโมเดลเพื่อแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เน้นแนวร่วมจากภาคประชาชน จากภาคีเครือข่าย ดึงท้องถิ่นเข้ามาช่วย ที่ผ่านมาเราได้จัดทำโครงการคนเห็นคน โดยใช้แนวคิดที่ว่า “เปลี่ยนจากคนเกาะรั้วมาเป็นนักแสดง” หรือที่เรียกว่าเปลี่ยนคนดูมาเป็นนักแสดง ทำให้เขาได้เข้ามามีบทบาท คิดวิเคราะห์ เกิดการมีส่วนร่วมประชุมแลกเปลี่ยน หาจุดอ่อนจุดแข็ง และจากจุดเล็กๆ ที่คนกลุ่มนี้เอาใจมาเชื่อมกันก็จะกลายเป็นภาพใหญ่ ประสานหน่วยงานที่มีอำนาจนำไปขยายผล เช่น มหาดไทย ปภ. ทางหลวง ตำรวจ จนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในที่สุด จึงนำมาสู่โครงการ “Thailand Big move Road Safety”

Advertisement

​“คิดแบบบ้านๆ เลยก็คือ การหาไอเดียของคนในชุมชน ชาวบ้านว่าเขาอยากทำอะไร ซึ่งจากคนเล็กคนน้อยนี่แหละจะสามารถลุกขึ้นมาเป็นเจ้าของปัญหา นำองค์ความรู้ไปขยายผล ต้องชื่นชมให้กำลังใจกัน แม้มันจะไม่สำเร็จในเร็วๆ นี้ แต่มันก็เป็นสิ่งที่ท้าท้าย และได้เห็นพลังของสังคมในการตื่นตัว เริ่มจาก 10 จังหวัด แก้ไขได้ 30 จุดเสี่ยง ขยายไปเรื่อยๆ ใน 283 อำเภอเสี่ยง และภายในปีนี้คาดว่าจะครบทั้ง 77 จังหวัด จึงอยากเชิญประชาชนมาร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยกัน มาร่วมเป็นเครือข่าย Thailand Big Move Road Safety เพื่อเปลี่ยนประเทศไทยให้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุทางถนน” นพ.พลเดชกล่าว ​

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image