สงกรานต์นี้ดูแล ‘สูงวัย’ ด้วยสูตรอาหาร 2: 1: 1

13 เมษายนของทุกปี นอกจากเป็น “วันสงกรานต์” หรือวันปีใหม่ไทยแล้ว ยังถือเป็น “วันผู้สูงอายุแห่งชาติ” ด้วย

การกำหนดวันสำคัญนี้ขึ้นมาก็เพื่อให้ทุกคนหันมาให้ความสำคัญ ร่วมดูแลความเป็นอยู่ และคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ทั้งการส่งเสริมให้มีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอ และการรับประทานอาหารถูกหลักโภชนาการ

ทั้งนี้ นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ในปี 2583 องค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ประเมินไว้ว่า ประเทศไทยจะมีสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุ สูงถึงร้อยละ 33 และเป็นประเทศที่มีผู้สูงอายุสูงที่สุดในอาเซียน การช่วยให้ประเทศก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ ควรเริ่มรักษาสุขภาพของตนเอง และบุคคลใกล้ชิด

Advertisement

“การดำเนินชีวิตของครอบครัวในปัจจุบันที่อาศัยการรับประทานอาหารนอกบ้านเป็นหลัก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาหารรสจัด หวานจัด มันจัด และเค็มจัดจนเกินไป รวมไปถึงอาหารจานด่วน อาหารฟาสฟู้ด และอาหารแช่แข็ง รวมถึงการมีกิจกรรมทางกายที่ไม่เพียงพอ ส่งผลให้คนไทยป่วยเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) มากขึ้น การดูแลสุขภาพที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุให้สามารถดูแลตัวเองจากเรื่องง่ายๆ ใกล้ตัว อย่างเรื่องการรับประทานอาหาร ต้องรับประทานอาหารที่มีประโยชน์อยู่เสมอ ควบคุมปริมาณการกินในสัดส่วนที่พอดี ด้วยการใช้แบบจำลองจานอาหารหรือที่รู้จักกันในชื่อเมนู 2:1:1 โดยแบ่งจานอาหารออกเป็น 4 ส่วนเท่าๆ กัน 2 ส่วนแรก เป็น ผัก 1 ส่วน เป็น ข้าวหรือแป้ง และอีก 1 ส่วนสุดท้าย เป็น เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน พร้อมใส่ใจการลดหวาน มัน เค็ม” นพ.ไพโรจน์ กล่าว

ด้าน นายสง่า ดามาพงษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านโภชนาการ สสส. กล่าวว่า ผู้สูงอายุ รวมถึงคนในครอบครัวทุกวัย ควรได้รับประทานอาหารที่ใช้สูตร 6:6:1 ในการปรุง คือ น้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชา น้ำมันไม่เกิน 6 ช้อนชา และเกลือไม่เกิน 1 ช้อนชาต่อวัน ซึ่งเป็นปริมาณที่เหมาะสมต่อสุขภาพของประชาชน ผู้สูงอายุควรรับประทานอาหารตามธรรมชาติ ปรุงแต่งน้อย หรืออาหารสุขภาพ เน้นการเลือกข้าวกล้องแทนข้าวขาว เพราะมีสารอาหารมากกว่า พร้อมเลือกรับประทานเนื้อปลา สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง เพราะมีโปรตีนที่มีคุณภาพ เลือกรับประทานไข่ได้วันละ 1 ฟอง โดยเน้นไข่ต้ม ไข่ตุ๋น เลี่ยงไข่ดาวและไข่เจียว สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง ให้ลดเหลือ 3-4 ฟองต่อสัปดาห์ เลือกโปรตีนจากถั่วเมล็ดแห้งทุกชนิด ดื่มนมรสจืดหรือนมพร่องมันเนย 1 กล่อง หรือ 1 แก้วต่อวัน เพื่อเสริมสร้างแคลเซียม และรับประทานผักและผลไม้เป็นประจำ เน้นอาหารที่ต้ม ย่าง ยำ ตุ๋น หรือนึ่ง และควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่

Advertisement

นายสง่า กล่าวว่า นอกจากการรับประทานอาหารที่เหมาะสมแล้ว ผู้สูงอายุควรเคลื่อนไหว ออกแรง หรือมีกิจกรรมทางกายระดับปานกลางที่ทำให้หายใจแรงขึ้น แต่ไม่จำเป็นถึงขั้นหายใจหอบ โดยสะสมให้ได้อย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน อาจเป็นการออกกำลังกายรวดเดียว 30 นาที หรือแบ่งเป็นช่วงๆ ละ 10-15 นาที ซึ่งถ้าเป็นออกกำลังกายเบาๆ เช่น เดินเล่น ฯลฯ รวมถึงนอนหลับให้เพียงพอก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ควรทำให้ได้อย่างน้อยวันละ 5-6 ชั่วโมง

อย่าลืมว่า การเริ่มต้นดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรง จะทำให้ก้าวสู่การเป็น “ผู้สูงอายุ” ที่มีคุณภาพได้ในอนาคต

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image