เมื่อวันที่ 7 เมษายน น.ส.วิไลวรรณ ตันจ้อย รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) เปิดเผยว่า พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2562 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มิถุนายนนี้ หลังจากนี้ ปส.และหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายจากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จะต้องจัดทำกฎกระทรวงให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ หรือภายในวันที่ 1 กันยายน 2562 เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายครบถ้วนและมีประสิทธิภาพ
น.ส.วิไลวรรณ กล่าวถึงสาระสำคัญใน พ.รบ.พลังงานนิวเคลียร์ฯ ว่า ได้เพิ่มระบบการแจ้งการครอบครองหรือใช้เครื่องกำเนิดรังสี เพื่อลดภาระแก่ผู้ครอบครองหรือใช้เครื่องกำเนิดรังสีที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายทางรังสีแก่ประชาชนและสิ่งแวดล้อมอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ การเพิ่มระบบการแจ้งการครอบครองหรือใช้เครื่องกำเนิดรังสีจะช่วยลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน และลดค่าใช้จ่ายจากการที่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใบอนุญาต และไม่ต้องจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยทางรังสี (RSO) แต่ยังคงความเข้มงวดในการกำกับดูแลเครื่องกำเนิดรังสีอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดในการป้องกันอันตรายจากรังสีต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม
“พ.ร.บ.พลังงานนิวเคลียร์ฯ มีหลักการสำคัญ เช่น 1.การให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้รักษาการตามกฎหมายร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และมีอำนาจในการแต่งตั้งพนักงาน เจ้าหน้าที่และออกกฎกระทรวงในส่วนที่เกี่ยวข้อง 2.เพิ่มกลไกการกำกับดูแลเครื่องกำเนิดรังสีโดยระบบการแจ้งการครอบครองหรือใช้เครื่องกำเนิดรังสีที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับใช้เพื่อการวินิจฉัยทางการแพทย์และเพื่อใช้งานในสถานพยาบาล และเครื่องกำเนิดรังสีอื่นที่ไม่มีอันตรายร้ายแรงต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม 3.แก้ไขหลักเกณฑ์การจัดให้มีเจ้าหน้าที่อาร์เอสโอ เจ้าหน้าที่ดำเนินการทางเทคนิคเกี่ยวกับวัสดุนิวเคลียร์ และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเดินเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง 4.แก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับการเพิ่มระบบการแจ้งการครอบครองหรือใช้เครื่องกำเนิดรังสี เช่น บทกำหนดโทษ องค์ประกอบของคณะกรรมการเปรียบเทียบคดี และดุลยพินิจในการกำหนดโทษของศาล เป็นต้น” น.ส.วิไลวรรณ กล่าว
นอกจากนี้ น.ส.วิไลวรรณ กล่าวว่า ปส.ได้เตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการ เจ้าหน้าที่อาร์เอสโอ ผู้ปฏิบัติงานทางรังสี บุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนทั่วไป ให้รับรู้ถึงข้อกฎหมาย รวมถึงแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง โดยจัดสัมมนา “รู้เท่ากันกฎหมายนิวเคลียร์ อยู่อย่างปลอดภัยในยุค Thailand 4.0” ใน 5 ภาค ขณะนี้ดำเนินการแล้ว 3 ภาค ได้แก่ ภาคกลาง กรุงเทพมหานคร ภาคตะวันออก จ.ระยอง ภาคเหนือ จ.ลำปาง และกำหนดจัดที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.นครราชสีมา และภาคใต้ จ.สุราษฎร์ธานี ในเดือนมิถุนายนนี้
