เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาการขาดแคลนยาจำเป็นที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพการรักษาและสิทธิของประชาชน จึงเร่งแก้ไขปัญหายาจำเป็นที่มีปัญหาขาดแคลนหรือมีแนวโน้มจะขาดแคลน เช่น ยาต้านพิษ ยารักษาโรคมะเร็ง ยาต้านจุลชีพ ยาช่วยชีวิต เป็นต้น โดยประกาศเป็นยากำพร้า อย่างไรก็ตาม ยาเหล่านี้มีแนวโน้มขาดแคลนอย่างต่อเนื่อง เพราะมีจำนวนผู้ใช้น้อย ผู้ประกอบการจึงไม่สนใจผลิตหรือทำการตลาด เนื่องจากอัตราการใช้ยาต่ำ กระทรวงการคลังจึงให้ความเห็นชอบและได้นำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยกเว้นภาษีนำเข้ายากำพร้า เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2562 ขณะนี้กระทรวงการคลังกำลังเร่งจัดทำประกาศเพื่อยกเว้นภาษีนำเข้ายากำพร้า คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคมนี้
“มาตรการดังกล่าวจะช่วยให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) และผู้ประกอบการเอกชนที่สนับสนุนหน่วยงานภาครัฐในการจัดหายากำพร้า ลดภาระต้นทุน เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงยาจำเป็นได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ อย.ได้พัฒนาเว็บไซต์ยากำพร้าและยาขาดแคลน อย่างบูรณาการ http://drugshortages.nhso.go.th ขึ้นโดยความร่วมมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และ อภ. หากสถานพยาบาลรัฐที่ประสบปัญหาขาดแคลนยาจำเป็นสามารถรายงานและติดตามปัญหาได้ที่เว็บไซต์ดังกล่าว หรือทำหนังสือมายังศูนย์ประสานงานเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนยาของ อย.” นพ.ธเรศ กล่าว
เลขาธิการ อย. กล่าวอีกว่า การยกเว้นภาษีนำเข้ายากำพร้า เป็นมาตรการสำคัญหนึ่งที่จะช่วยเหลือ อภ.และผู้ประกอบการเอกชนลดต้นทุนที่แบกรับในการจัดหายาจำเป็นที่มีปัญหาขาดแคลน ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในการเข้าถึงยาจำเป็น และทำให้ระบบยาของประเทศมีความมั่นคง
