เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ตอบกระทู้ถามสดเรื่องการบริหารจัดการแม่น้ำคูคลองในกรุงเทพมหานคร เพื่อส่งเสริมการจราจรและการป้องกันปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ของ นายนิรันดร์ ประดิษฐกุล สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ในที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร (สภา กทม.) ว่า สำนักการระบายน้ำ กทม.ได้ติดตามเฝ้าระวังกลุ่มฝนในพื้นที่กรุงเทพมหานครตลอด 24 ชั่วโมง (ชม.) โดยจะทำการลดระดับน้ำในคลองก่อนจะมีกลุ่มฝนจะเข้ามาในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังอย่างถาวรที่จะดำเนินการในอนาคต โดยในปีงบประมาณ 2563 กทม.ได้รับมอบนโยบายจากรัฐบาล ดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อนคลองเปรมประชากร ยาว 50.8 กิโลมตร (กม.) แต่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ประมาณ 22.8 กม. หรือคิดเป็น ความยาวตลอดคลองประมาณ 47.56 กม.
“ขณะนี้บางส่วนได้ก่อสร้างเขื่อนไปบ้างแล้ว หรือมีอยู่แล้ว ยังคงเหลือที่ต้องก่อสร้างอีกเพียง 26.61 กม. อีกทั้งยังมีการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำยักษ์บริเวณคลองเปรมประชากร ยาว 23.5 กม. เส้นผ่าศูนย์กลาง 5.7 ม. ซึ่งขณะนี้ได้ออกแบบแล้วเสร็จ โดยในปีงบประมาณ 2563 จะเข้ากระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง” นายจักกพันธุ์ กล่าวและว่า นอกจากนี้ สำนักการจราจรและขนส่ง กทม.ทำการเดินเรือใน 3 คลอง เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจร ประกอบด้วย คลองผดุงกรุงเกษม คลองแสนแสบ และคลองภาษีเจริญ โดยคลองภาษีเจริญจะมีการเรียกเก็บค่าบริการ 15 บาทตลอดสาย เริ่มจากท่าเรือประตูน้ำภาษี ไปจนถึงท่าเรือซอยเพชรเกษม 69 เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีบางหว้า คลองแสนแสบ มีเอกชนทำการเดินเรือถึงแค่วัดศรีบุญเรืองเท่านั้น ในกรณีส่วนต่อขยาย ไม่มีเอกชนเข้ามาเดินเรือ เพราะไม่มีจุดคุ้มทุน
“ส่วนโครงการ ล้อ ราง เรือ โดยเดินเรือส่วนต่อขยายจากวัดศรีบุญเรืองไปจนถึงห้าง Paseo Town ระยะทาง 2 กม. โดยในอนาคตจะเดินเรือต่อไปอีก 4 กม. จนถึงสำนักงานเขตมีนบุรี ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการจัดทำแผนและโครงการอยู่ ในส่วนของคลองผดุงกรุงเกษม ปัจจุบันสำนักการระบายน้ำได้ดัดแปลงเรือเก็บขยะให้ประชาชนสามารถใช้สัญจรได้ 6 ลำ ซึ่งจากข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม สำนักการระบายน้ำเดินเรือทั้งหมด 47 เที่ยว มีใช้บริการ 388 คน ในอนาคตจะจัดงบซื้อเรือไฟฟ้า 7 ลำ และเตรียมท่าเทียบเรือเพื่อความสะดวกแก่ประชาชน ในเบื้องต้นจะไม่เรียกเก็บเงินค่าโดยสาร เนื่องจากต้องศึกษาในรายละเอียดก่อน
