นพ.ปิยะ เนตรวิเชียร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เสนอโครงการโรงพยาบาลธงฟ้า เพื่อให้โรงพยาบาลเอกชนที่ให้บริการทั้งค่ายาและค่ารักษาพยาบาลในราคาที่เหมาะสมเข้าร่วมโครงการเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชน ว่า สำหรับกรณีนี้ยังไม่ทราบในรายละเอียดและที่มาที่ไป ส่วนจะเข้าร่วมโครงการหรือไม่นั้น เบื้องต้นจะขอศึกษาข้อมูลที่ชัดเจนก่อนพิจารณาตัดสินใจ
นพ.ปิยะ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่กรมการค้าภายใน พณ.ออกประกาศเรื่องการควบคุมอัตราค่าบริการและค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชน ในส่วนของ รพ.เกษมราษฎร์ ประชาชื่น ก็ได้ให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามประกาศดังกล่าวในบางเรื่อง
“ยืนยันว่าอะไรที่เป็นประโยชน์กับสังคม กับประชาชน ก็ยินดีดำเนินการ แต่สิ่งที่ยังไม่ได้ดำเนินการคือ เรื่องคิวอาร์โค้ดที่เป็นหน้าที่ของกรมการค้าภายในต้องดำเนินการเพื่อให้โรงพยาบาลเอกชนใช้ร่วมกัน และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้า ทั้งๆ ที่คิวอาร์โค้ดควรจะออกมาพร้อมกับประกาศ ซึ่งแสดงถึงความไม่พร้อม แต่เร่งรีบออกประกาศไปก่อน” นพ.ปิยะ กล่าว
นอกจากนี้ นพ.ปิยะ ยังกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนที่จะให้ประเทศไทยเป็นเมดิคัล ฮับ ในภูมิภาค แต่จากแนวทางดังกล่าว เห็นว่าอาจจะสวนทางกับนโยบาย เพราะโรงพยาบาลเอกชนไม่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากภาครัฐ ในการลงทุนของโรงพยาบาลเอกชนต้องใช้ทุนของเอกชนทั้งหมด ยกตัวอย่าง โรงพยาบาลขนาด 100 เตียง ลงทุนอาคารสถานที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท ยังมีค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร เครื่องมือแพทย์ ศักยภาพของโรงพยาบาลแต่ละแห่งก็ไม่เท่ากัน หากเป็นโรงพยาบาลที่ทันสมัยมาก เครื่องมือพร้อมก็ลงทุนสูง
“ปัจจุบันก็มีโรงพยาบาลของรัฐหลายแห่งที่เปิดโซนให้บริการแบบโรงพยาบาลเอกชน ในความเป็นจริงนั้น ถ้าเปรียบเทียบกันระหว่างไปใช้โรงพยาบาลของรัฐแบบเดิมกับโรงพยาบาลของรัฐที่เปิดบริการแบบเอกชน รักษาโรคหรืออาการเดียวกันค่าใช้จ่ายก็แตกต่างกันอยู่แล้ว ดังนั้นผู้ใช้บริการก็จะต้องประเมินศักยภาพตนเองเช่นกัน เพราะถือเป็นทางเลือก และโรงพยาบาลเอกชนก็ถือเป็นทางเลือกเช่นกัน” นพ.ปิยะกล่าว และว่า แต่ถ้าผู้ป่วยไปรับการรักษาด้วยภาวะฉุกเฉินวิกฤต มั่นใจว่าโรงพยาบาลทุกแห่งพร้อมดูแลตามหลักเกณฑ์แน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามว่า โรงพยาบาลเอกชนจะมีการรวมตัวกันไปชี้แจงทำความเข้ากับกรมการค้าภายในอีกหรือไม่ นพ.ปิยะ กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้มีการหารือกัน เพราะที่ผ่านมาตัวแทนจากสมาคมโรงพยาบาลเอกชนเคยขอเข้าพบผู้บริหารใน พณ.แล้ว แต่ไม่ได้รีบโอกาส อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้ก็จะขอรอดูรัฐบาลชุดใหม่ด้วยว่าจะมีนโยบายเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร
