สํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เขต 13 กรุงเทพมหานคร นำร่องเปิดช่องทางการเข้าถึงบริการสุขภาพ ด้วย โครงการร้านยาชุมชนอบอุ่น โดยเชิญชวนให้ร้านขายยาแผนปัจจุบัน ประเภท (ข.ย.1) ในพื้นที่ 11 เขตของกรุงเทพมหานคร ที่ดำเนินการคลินิกหมอครอบครัว ได้แก่ เขตจอมทอง เขตบางกอกน้อย เขตลาดพร้าว เขตดอนเมือง เขตคันนายาว เขตบางแค เขตบางคอแหลม เขตบางขุนเทียน เขตจตุจักร เขตดุสิต เขตสวนหลวง และโอสถศาลา คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สมัครเข้าร่วมโครงการ ถือเป็นหน่วยบริการด้านยาในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะนำภาคเอกชนมาสนับสนุนการทำงานของภาครัฐ แต่ภาระงานไม่ได้เพิ่มขึ้น
นพ.วีระพันธ์ ลีธนะกุล ผู้อำนวยการ สปสช. เขต 13 กทม. บอกว่า ในปี 2560 พบว่าในจำนวนประชาชนในเขตกรุงเทพฯ ทั้งประชากรตามทะเบียนราษฎรและประชากรแฝงรวมกันประมาณ 10 ล้านคน ที่เจ็บป่วยในรอบ 1 เดือน เกือบร้อยละ 18 ไม่ใช้สิทธิรักษาใดๆ เลย แต่จะเลือกวิธีซื้อยากินเอง เพราะไม่สะดวกในการไปพบหมอ ไม่อยากรอคิวนาน กลัวเสียเวลา นอกจากนี้ ยังพบว่าในจำนวนผู้ป่วยที่รับยาจากโรงพยาบาล มียาเหลือใช้จำนวนมาก ซึ่งมูลค่าสูงถึง 2,000-3,000 ล้านบาทต่อปี จึงตั้งสมมุติฐานว่า หากให้ร้านยา ข.ย.1 ร่วมเป็นหน่วยบริการสุขภาพประชาชน น่าจะช่วยลดปัญหาเหล่านี้ลงได้
นพ.วีระพันธ์ กล่าวว่า ต่อมาคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) จึงได้เห็นชอบตามมาตรา 3 พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ให้ร้านขายยา ข.ย.1 เป็นสถานบริการสาธารณสุขอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการกำหนดเพิ่มเติม ขณะนี้จึงมีร้านขายยา ข.ย.1 สมัครเข้าโครงการแล้ว 46 ร้าน
“สำหรับบริการสุขภาพในร้านยาชุมชนอบอุ่น หลักๆ จะเน้นการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค อาทิ การคัดกรองความเสี่ยงในกลุ่มภาวะโรคเมตาบอลิก โดยเจาะเลือดตรวจระดับน้ำตาล วัดความดันโลหิต, ให้สุขศึกษา ความรู้ แนะนำด้านสุขภาพและการใช้ยาอย่างสมเหตุผล เป็นต้น นอกจากนี้ ยังร่วมกับสหสาขาวิชาชีพอื่นๆ ให้บริการดูแลสุขภาพ (เยี่ยม) ผู้ป่วยที่บ้าน โดยทำงานเป็นเครือข่ายร่วมกับหน่วยบริการประจำในพื้นที่ คลินิกหมอครอบครัว และดำเนินกิจกรรมอื่นที่ อปสข. กำหนด เช่น บริการคลินิกอดบุหรี่ บริการยาเม็ดคุมกำเนิด เป็นต้น นพ.วีระพันธ์ กล่าวและว่า ร้านขายยา ข.ย.1 จะมีเภสัชกรอยู่ประจำร้านอย่างน้อย 8 ชั่วโมง จะต้องทำหน้าที่แนะนำเรื่องยา ให้ใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทำกันอยู่แล้ว แต่ที่ให้เพิ่มคือ ขอชื่อ นามสกุล เลขบัตรประชาชน เพื่อส่งข้อมูลให้กับ สปสช.เขต 13 ซึ่งรายชื่อเหล่านี้เมื่อมีการบันทึกร้านขายยาจะสามารถนำไปเบิกค่าตอบแทนจาก สปสช.เขต 13 ได้
เมื่อถามว่า เป้าหมายต้องการร้านขายยา ข.ย.1 จำนวนเท่าไร นพ.วีระพันธ์ กล่าวว่า ต้องการ 400 ร้าน ใน 11 เขต โดยประเมินจากจำนวนประชากร สัดส่วนประชากรประมาณ 2,000 คนต่อ 1 ร้าน และร้านขายยาที่จะได้รับเงินจากการให้บริการ จะขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่ทำ ได้แก่ 1.ตรวจคัดกรอง วัดรอบเอว ส่วนสูง วัดความดัน เจาะเลือดตรวจน้ำตาล จะได้ 100 บาทต่อคน แต่ประชาชนจะได้สิทธิเพียง 1 ครั้งต่อปี 2.ให้ความรู้หรือการใช้ยาอย่างสมเหตุผล จะได้ 50 บาทต่อคน ซึ่งประชาชนจะได้สิทธิ 1 ครั้งต่อเดือน 3.เยี่ยมผู้ป่วยถึงบ้าน จะได้ 800 บาทต่อครั้ง เพราะต้องออกพื้นที่ ใช้เวลา มีค่าเดินทาง 4.บริการยาเม็ดคุมกำเนิด จ่าย 40 บาทต่อแผง และ 5.ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเลิกบุหรี่ ถ้าสามารถทำให้คน 1 คน เลิกบุหรี่ได้ จ่าย 2,000 บาทต่อคน ต้องจ่ายแพงเพราะใช้เวลา และต้องติดตามผลจนกว่าจะแน่ใจและพิสูจน์ได้ว่าเลิกบุหรี่
ได้จริง
“ทุกบริการจะต้องมีการจัดทำบันทึกข้อมูลส่งเข้าระบบ และปัจจุบัน สปสช.เขต 13 กทม.ก็ออกแบบระบบบันทึกไว้แล้ว หากสมัครเข้าโครงการก็สามารถเข้าระบบได้ เพียงใส่ User name และ Password และการจ่ายค่าตอบแทนให้กับร้านขายยาที่เข้าโครงการก็เป็นแบบเดือนต่อเดือน” นพ.วีระพันธ์ กล่าว
นอกจากนี้ ผู้อำนวยการ สปสช.เขต 13 กทม. กล่าวด้วยว่า สำหรับประชาชนที่จะเข้าไปใช้บริการในร้านยาชุมชนอบอุ่นนั้น เบื้องต้นยังให้สิทธิเฉพาะคนไทยที่มีเลขบัตรประชาชน 13 หลัก โดยหากจะเข้าไปใช้บริการในร้านยาชุมชนอบอุ่น ให้สังเกตป้ายโลโก้หรือข้อความ ส่วนกลุ่มคนต่างด้าว คนไร้บ้าน หรือไม่มีบัตรประชาชน เบื้องต้นยังใช้สิทธินี้ไม่ได้
“อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่เริ่มโครงการเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2562 จนถึงขณะนี้ยังมีร้านขายยา ข.ย.1 เข้าโครงการน้อย ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะการประชาสัมพันธ์โครงการไม่ทั่วถึง ดังนั้น ในเร็วๆ นี้ จะเชิญร้านขายยา ข.ย.1 หารือเพื่อให้ข้อมูล และชี้ให้เห็นถึงข้อดีในการเข้าโครงการดังกล่าว และต้องทำให้ประชาชนที่มีเลข 13 หลัก รับรู้ด้วยว่ามีสิทธิเข้าไปใช้บริการในร้านยาชุมชนอบอุ่นในพื้นที่นั้นๆ ซึ่งวางแผนว่าภายใน 6 เดือน จะทำให้ได้ 100 ร้าน นอกจากนี้ ในส่วนของร้านขายยา ข.ย.1 ที่เข้าโครงการแล้ว สปสช.เขต 13 กทม.จะมีการประเมินผล โดยลงไปตรวจเยี่ยมการให้บริการด้วย” นพ.วีระพันธ์ กล่าวและว่า ขณะนี้ทั่วประเทศมีร้านขายยา ข.ย.1 จำนวน 15,000 ร้าน เฉพาะในกรุงเทพฯมีประมาณ 5,000 ร้าน เบื้องต้นยังไม่ได้คิดถึงการทำให้ครอบคลุมทั้ง 5,000 ร้าน เพราะเป็นเพียงโครงการนำร่อง แต่หากประเมินผลแล้วดี เป้าหมายต่อไปของบอร์ด สปสช. คือจะให้ครอบคลุมทั้งประเทศ
“สำหรับร้านขายยา ข.ย.1 อื่นๆ สามารถขึ้นทะเบียนร้านยาชุมชนอบอุ่นได้ ผ่านทางเว็บไซต์ https://bkk.nhso.go.th/BKKregister/ และสุดท้ายขอเชิญชวนให้ร้านขายยา ข.ย.1 ที่สนใจ ไม่ว่าจะอยู่ในเขตหมอครอบครัวหรือไม่ก็ตาม สามารถติดต่อไปที่ สปสช.เขต 13 กทม.เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ตลอดเวลาทำการ” นพ.วีระพันธ์ กล่าวทิ้งท้าย