| เผยแพร่ |
|---|
เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน ยูนิเซฟ ประเทศไทย เปิดตัวโครงการ “ไทยช่วยภัยไซโคลน” เพื่อระดมกำลังประชาชนไทยร่วมสมทบทุนช่วยเหลือเด็กที่ประสบภัยจากพายุไซโคลนที่พัดถล่มแอฟริกาตอนใต้ โดยมีนักแสดงหนุ่ม ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี เป็นตัวแทนภารกิจพิเศษ เตรียมลงพื้นที่เยี่ยมเยียนผู้ประสบภัยในประเทศโมซัมบิก เพื่อนำเรื่องราวของเด็กๆ มาถ่ายทอดสู่สาธารณชนในประเทศไทย
นายฮวน แซนทานเดอร์ รองผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย เปิดเผยว่า พายุไซโคลนอิดาอี ที่พัดถล่มหลายประเทศในแอฟริกา ได้แก่ ประเทศโมซัมบิก ประเทศมาลาวี และประเทศซิมบับเว เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมานับเป็นภัยพิบัติครั้งร้ายแรงที่สุดในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ในแอฟริกาตอนใต้ โดยพายุได้สร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับที่อยู่อาศัย ระบบสาธารณูปโภค และพื้นที่เกษตรกรรม แม้จะผ่านมาราว 3 เดือนแล้ว แต่ภัยพิบัตินี้ยังคงส่งผลกระทบต่อประชากรกว่า 3 ล้านคน และเด็กอีกกว่า 1.6 ล้านคน ซึ่งกำลังเสี่ยงต่อโรคระบาดและภาวะขาดสารอาหารรุนแรง เนื่องจากขาดแคลนน้ำสะอาด ขาดสุขอนามัยที่ดี รวมทั้งความแออัดในศูนย์อพยพซึ่งเอื้อต่อการเกิดโรคระบาด อาทิ ท้องร่วง อหิวาตกโรค มาลาเรีย โดยเฉพาะในเด็กซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงและเปราะบางกว่าผู้ใหญ่ อีกทั้งเพียง 6 สัปดาห์หลังภัยพิบัติครั้งใหญ่ พายุไซโคลนเคนเนธ ซึ่งเป็นพายุขนาดใหญ่ลูกที่สอง ก็พัดถล่มทวีปแอฟริกาอีกครั้ง ส่งผลให้พื้นที่ดังกล่าวเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมหนักและดินถล่มที่หนักยิ่งขึ้น
“ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ยูนิเซฟมุ่งมั่นทำงานอย่างหนักเพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยให้เด็กๆ รอดชีวิต ผ่านการจัดหาวัคซีนป้องกันโรค สารทำน้ำสะอาด อาหารบำบัดฉุกเฉิน และสิ่งของจำเป็นอื่น ๆ ในการดำรงชีพ นอกจากนี้ ยังมีการส่งมอบอุปกรณ์การเรียนการสอน ควบคู่ไปกับการซ่อมแซมระบบสาธารณูปโภค โรงเรียน โรงพยาบาล และวางรากฐานของประเทศเพื่อการพัฒนาระยะยาวอย่างยั่งยืน” นายแซนทานเดอร์กล่าว
โดย ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี จะเดินทางไปประเทศโมซัมบิกพร้อมทีมงานยูนิเซฟในสัปดาห์หน้านี้ เพื่อเยี่ยมเยียนเด็ก ๆ และครอบครัวที่ประสบภัย ที่เมืองเบียร่า ซึ่งเป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากพายุไซโคลน โดยจะเดินทางไปศูนย์ผู้ประสบภัยฉุกเฉินซึ่งยูนิเซฟให้ความดูแลในด้านต่างๆ อาทิ โภชนาการ การปกป้องคุ้มครองเด็ก และการศึกษาและนำเรื่องราวมาถ่ายทอดสู่สาธารณชนในประเทศไทย
ติ๊ก เจษฎาภรณ์เปิดเผยว่า เมื่อได้รับรู้เรื่องราวของเด็กๆ ที่ประสบภัยพิบัติในทวีปแอฟริกาแล้วก็รู้สึกเห็นใจเป็นอย่างยิ่ง และอยากเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการรับรู้ถึงความรุนแรงของภัยพิบัติและความสูญเสียที่ต้องการการเยียวยาในครั้งนี้
“ถึงแม้ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นทางตอนใต้ของแอฟริกาจะดูห่างไกลจากประเทศไทย เมื่อได้ยินเรื่องราวของเด็ก ๆ ที่ต้องสูญเสียบ้านและครอบครัวรวมถึงเรื่องราวของเด็กที่แม้จะรอดชีวิตแต่กลับต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อโรคระบาด และภาวะขาดสารอาหาร เด็ก ๆ หลายคนต้องพลัดพรากจากครอบครัวหรือกลายเป็นเด็กกำพร้า บ้างตกอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการขาดสารอาหาร บ้างก็ตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย ถูกเอารัดเอาเปรียบ และต้องขาดเรียน เนื่องจากโรงเรียนถูกแปรสภาพเป็นศูนย์อพยพไปเสียแล้ว ทำให้ผมรู้สึกว่า ในฐานะที่พวกเราทุกคนคือประชากรบนโลกใบเล็กๆ ที่เชื่อมต่อถึงกัน การสนับสนุนจากคนไทยในเวลาวิกฤตเช่นนี้จะกลายเป็นพลังสำคัญที่จะช่วยชีวิต ช่วยให้เด็กๆ สามารถผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ และกลับมามีชีวิตที่เป็นปกติอีกครั้ง”
