กรุงเทพธนาคม ชี้โครงการท่อร้อยสายสื่อสารลงดินโปร่งใสประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด

กรุงเทพธนาคม ชี้โครงการท่อร้อยสายสื่อสารลงดินโปร่งใสประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด

วันที่ 26 มิถุนายน ที่บริษัท กรุงเทพธนาคมจำกัด นายเอกรินทร์ วาสนาส่ง รองกรรมการผู้อำนวยการสายยุทธศาสตร์และพัฒนาเมือง บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด แถลงข่าว กรณีข้อห่วงใยของนักวิชาการและสื่อมวลชนต่อโครงการท่อร้อยสายสื่อสารลงใต้ดินของกรุงเทพมหานคร(กทม.) เกี่ยวกับมูลค่าของโครงการที่มีข้อกังวลว่าอาจส่งผลกระทบต่ออัตราการเรียกเก็บค่าบริการในอัตราสูงเกินจริง รวมถึงความโปร่งใสในการสรรหาผู้รับเหมางาน และการสรรหาผู้ใช้บริการความจุหลัก โดยมี บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ในฐานะวิสาหกิจในกำกับของ กทม. เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ นั้น ขอเรียนว่า ในส่วนของขั้นตอนสรรหาผู้รับเหมา เงื่อนไขสัญญาสำหรับโครงการแบบงานวิศวกรรม-จัดหา-ก่อสร้าง (EPC) ยึดหลักคุณภาพและคุณสมบัติทางเทคนิค ป้องกันการทิ้งงาน

นายเอกรินทร์ กล่าวว่า ทันทีที่กทม.มอบหมายให้บริษัทกรุงเทพธนาคม เป็นเจ้าของโครงการนำสายสื่อสารลงใต้ดิน และลงทุนเองทั้งหมด โดยมีการทำบันทึกข้อตกลงมอบหมายงานเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2561 ในเดือน มกราคม 2562 กรุงเทพธนาคมได้ดำเนินการสรรหางาน EPC รวมถึงดำเนินการสรรหาผู้ใช้บริการ สรรหาแหล่งเงินทุน สรรหาที่ปรึกษาควบคุมการก่อสร้าง และผลักดันการขับเคลื่อนโครงการ เพื่อให้โครงการแล้วเสร็จทันกำหนด สำหรับขั้นตอนดำเนินการสรรหาผู้รับเหมางาน EPC มีผู้รับเอกสารทั้งสิ้น 55 ราย ยื่นข้อเสนอ 8 ราย ผ่านคุณสมบัติเบื้องต้น 3 และผ่านการพิจารณาคัดเลือกเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2562 จำนวน 3 ราย ซึ่งในการคัดเลือกนั้นได้มีการคัดกรองคุณภาพเบื้องต้นก่อนจะมีการยื่นข้อเสนอและคัดเลือก โดยเฉพาะคุณสมบัติทางเทคนิค และความมั่นคงทางการเงินของบริษัท เพื่อไม่ให้เกิดการทิ้งงาน เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อโครงการฯ ได้ ซึ่งขณะนี้ได้ผู้ชนะงานรับเหมาก่อสร้างทั้ง 4 พื้นที่ของกรุงเทพฯ เรียบร้อยแล้ว และพร้อมเดินหน้าโครงการเพื่อให้แล้วเสร็จทันระยะเวลาที่กำหนด 2 ปี

นายเอกรินทร์ กล่าวว่า ขณะที่ด้านการสรรหาผู้ใช้บริการความจุใหญ่ ซึ่งเป็นผู้ใช้บริหารหลัก ได้ดำเนินตามขั้นตอนด้วยความโปร่งใส ไม่ได้มีลักษณะการปกปิด หรือจงใจไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ จนเป็นเหตุให้มีผู้ยื่นข้อเสนอและผ่านเกณฑ์พิจารณาเพียง 1 ราย ตามที่มีการกล่าวหาโดยมีการประกาศผ่านทางหนังสือพิมพ์ต่างๆเว็บไซต์ของบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด รวมถึงเปิดให้ลงชื่อแสดงเจตจำนงในการยื่นข้อเสนอใช้บริการโครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคมซึ่งมีผู้แสดงเจตจำนง 9 ราย จากนั้นได้ส่งหนังสือเชิญชวนผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมที่มีโครงข่ายเป็นของตนเอง จำนวน 16 ราย รวมเป็น 25 ราย รับเอกสารเชิญชวน 16 ราย แต่มีเพียง 1 ราย ที่ยื่นข้อเสนอ คือ บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต คอร์ปอเรชั่น จำกัด และผ่านเกณฑ์คัดเลือกตามาตรฐานที่กำหนดเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการเจรจาเรื่องราคา แต่ยังไม่ได้มีการลงนาม หรือดำเนินการใดๆ ตามที่สื่อนำเสนอ
ทั้งนี้ รูปแบบการดำเนินโครงการไม่เข้าหลักเกณฑ์และวิธีการตามกฎหมายว่าด้วยการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ และเป็นไปตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคมซึ่งผู้ใช้บริการความจุ มีสถานะเป็นลูกค้า และผู้ใช้บริการโครงข่ายท่อร้อยสายสื่อสารใต้ดินของกรุงเทพธนาคม ไม่ได้มีการให้สัมปทาน หรือมีการโอนสิทธิ์แต่อย่างใด

Advertisement

นายเอกรินทร์ กล่าวว่า ส่วนการกล่าวอ้างตัวเลขค่าบริการราคาสูงถึง 21,000 -27,000 บาท/ซับดัก/กิโลเมตร/เดือนนั้น ขณะนี้ยังไม่มีกำหนดอัตราค่าบริการ แต่อย่างใด เนื่องจากการกำหนดอัตราค่าบริการของโครงข่ายท่อร้อยสายสื่อสารฯ เป็นหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในการกำกับดูแลและกำหนดราคาโดยตรง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ากสทช. จะมีมาตรการสนับสนุน และจูงใจ เพื่อให้ผู้ประกอบการทุกรายสามารถใช้ท่อร้อยสายสื่อสารได้ในราคาที่เป็นธรรม และเพื่อประโยชน์ของสาธารณะ ขณะเดียวกันกรุงเทพธนาคม และผู้ใช้บริการหลัก ไม่อาจเรียกเก็บค่าบริการจากผู้ใช้บริการรายอื่นเกินกว่าอัตราที่กสทช. กำกับและกำหนดได้ ดังนั้นข้อกล่าวหาราคาค่าบริการโครงข่ายท่อร้อยสายของกรุงเทพธนาคม จะแพงกว่าผู้ประกอบการรายอื่นถึง 3 เท่านั้น ไม่เป็นความจริง

นายเอกรินทร์ กล่าวว่า การดำเนินโครงการนำสายสื่อสารลงใต้ดินของกรุงเทพมหานคร เป็นการลงทุนใหม่ คุ้มค่ากว่า และสามารถใช้งานได้ตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายคือ 50 ปี เพื่อไม่ให้เกิดการ ขุดๆ กลบๆ อย่างที่เคยผ่านมาอีก โดยกรุงเทพธนาคมเลือกใช้เทคโนโลยีไมโครดัก เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีใหม่ รองรับการขยายตัวในอนาคต ประหยัดพื้นที่ใต้ฟุตบาท ไม่ได้เป็นโครงการซ้ำซ้อนกับโครงการท่อร้อยสายของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่มีท่อร้อยสายอยู่เดิม โดยท่อของทีโอทีส่วนใหญ่อยู่ใต้ถนน อีกทั้งปัจจุบันยังไม่สามารถนำสายสื่อสารจำนวนมากลงดินได้ตามเป้าหมาย จนเกิดเป็นปัญหารกรุงรัง และเกิดอันตรายกับประชาชนที่สัญจรทั้งบนทางเท้าและถนน
ส่วนท่อเดิมที่ทีโอที และ CAT มีใช้งานอยู่นั้น กทม.ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว ยังสามารถให้ใช้งานต่อได้ จึงไม่ถือเป็นการผูกขาด เพียงแต่กทม.จะดำเนินการวางโครงข่ายท่อร้อยสายใหม่ทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ จึงไม่มีความจำเป็นต้องทำซ้ำซ้อน แต่สามารถใช้ประโยชน์ร่วมกับโครงข่ายของกทม.ได้ ซึ่งเมื่อโครงการแล้วเสร็จ กรุงเทพธนาคม จะเปิดให้ทุกบริษัทสามารถเช่าท่อร้อยสายได้อย่างเสมอภาคในราคาที่เป็นธรรมเหมาะสม และยังเหลือเพียงพอที่จะให้บริการกับผู้ใช้บริการรายอื่นที่จะพึงมีในอนาคตภายใต้การกำหนดราคาของกสทช. และให้กทม.ได้ร่วมใช้ในกิจการของกทม. โดยไม่คิดค่าบริการ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน

“กทม. และ กรุงเทพธนาคม ไม่ใช่องค์กรแสวงผลกำไร และไม่ได้มีจุดมุ่งหมายที่ผลประกอบการเป็นที่ตั้ง พร้อมเดินหน้าจัดระเบียบสายสื่อสารที่พาดสายรกรุงรัง เพื่อความปลอดภัยของประชาชน และเพื่อความสวยงามของเมือง ให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี ตามนโยบายของรัฐบาล โอกาสนี้ กรุงเทพธนาคม ขอขอบคุณทุกความห่วงใยและข้อวิตกกังวลต่างๆ พร้อมยืนยันว่า การดำเนินการของบริษัทฯ เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย รวมถึงระเบียบและข้อบังคับต่างๆ เพื่อให้กรุงเทพฯ เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย สวยงาม และปลอดภัย ในราคาที่เป็นธรรม ให้ผู้ใช้บริการสามารถประกอบกิจการได้ในอัตราที่กสทช. กำหนด ส่งผลให้ประชาชน ซึ่งเป็นผู้รับบริการปลายทาง ได้รับบริการจากโครงข่ายโทรคมนาคมและการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป”นายเอกรินทร์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image