เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ตามที่ สธ.เป็นหน่วยงานหลักในการบําบัดรักษาผู้เสพยาเสพติด ตามมาตรการการลดอันตรายจากยาเสพติด โดยใช้หลักสาธารณสุขและสิทธิมนุษยชนเน้นการดูแลสุขภาพในระบบบำบัดที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล โดยในปีงบประมาณ 2562 ตั้งเป้านำผู้ติดยาเสพติด เข้ารับการบำบัด 219,275 คน แบ่งเป็นระบบสมัครใจ 136,725 คน บังคับบำบัด 56,550 คน ต้องโทษ 26,000 คน จากผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สธ. ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 ถึง วันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้นำผู้เสพเข้าสู่กระบวนการบำบัดฯ ในโรงพยาบาลสังกัดทั่วประเทศกว่า 800 แห่ง แล้วจำนวน 133,962 คน คิดเป็นร้อยละ 61.09 ในระบบสมัครใจ 61,360 คน ระบบบังคับบำบัด 58,864 คน และระบบต้องโทษ 13,738 คน
นพ.สุขุม กล่าวต่อไปว่า การบำบัดผู้ติดยาเสพติดของ สธ.ดำเนินการโดยศูนย์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสําหรับกลุ่มผู้เสพยาเสพติด ใช้กิจกรรมสร้างความตระหนักรู้ถึงปัญหาและผลกระทบจากการใช้ยาเสพติด การจัดการอารมณ์ สร้างแรงบันดาลใจ เห็นอกเห็นใจ พร้อมระบบการติดตามดูแล ช่วยเหลือหลังเข้ารับบริการให้ครอบคลุมทั่วถึง ภายใต้หลักการ “เข้าใจ เข้าถึง พึ่งได้” ป้องกันการกลับมาเสพซ้ำ เพื่อลดผลกระทบจากปัญหายาเสพติดทั้งด้านเศรษฐกิจ และอาชญากรรมรูปแบบต่างๆ รวมถึงการให้ความรู้ในการป้องกันโรคติดต่อที่เกิดจากการเสพยาเสพติด อาทิ เอชไอวี ไวรัสตับอักเสบ บี และซี
“นอกจากนี้ สธ.ยังให้ความสำคัญกับสภาพจิตใจของผู้เข้ารับการบำบัด ด้วยการปรับมุมมองผู้ติดยาเสพติด คือ ผู้ป่วยที่ต้องได้รับการรักษา ซึ่งจำเป็นต้องใช้ความร่วมมือและความเข้าใจจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ท้องถิ่น ชุมชน และครอบครัวในการป้องกัน เฝ้าระวัง บําบัดแก้ไข และฟื้นฟูดูแลผู้ใช้ยาเสพติด แบบองค์รวมทั้งกาย จิตใจ สังคม โดยชุมชนเป็นศูนย์กลาง (Community Based Treatment and Care) รวมถึงให้โอกาสผู้บำบัดสามารถกลับมาดํารงชีวิตได้ตามปกติ ทั้งด้านการศึกษาและการประกอบอาชีพ” นพ.สุขุม กล่าว
