“รัฐมนตรีท็อป” ของขึ้น เห็นคลิปทำร้ายโลมา จวกไร้จิตสำนึก อธิบดีทช.ชี้ เหตุเกิดทะเลปัตตานี ลากตัว พ่อค้าน้ำตาดุหยงรับโทษ

“รัฐมนตรีท็อป” ของขึ้น เห็นคลิปทำร้ายโลมา จวกไร้จิตสำนึก อธิบดีทช.ชี้ รู้แล้ว เหตุเกิดทะเลปัตตานี ลากตัว พ่อค้าน้ำตาดุหยงรับโทษ

เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(มส.) กล่าวว่า ในวันที่ 18 กรกฎาคม นี้ตนจะลงพื้นที่เกาะลิบง จ.ตรัง เพื่อติดตามการดำเนินงานด้านการจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่เป็นภารกิจแรก เพราะล่าสุดเกิดกรณีพะยูนตายลงถึง 5 ตัว โดยไม่ทราบสาเหตุซึ่งเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องได้ัรับการแก้ไข ซึ่งวันนี้เบื้องต้นได้ขอข้อมูลจากเจ้าหน้าที่และกำชับให้เร่งหาสาเหตุการตายของพะยูน และดำเนินการป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียขึ้นอีก และอาจจะต้องมีการสำรวจจำนวนประชากรพะยูนให้ชัดเจนและต้องมีการติดจีพีเอสแทร็กหรือไม่โดยต้องถามรายละเอียดจากเจ้าหน้าที่ เพราะวันนี้พะยูนตายลงมากเกินไปแล้ว ซึ่งหากเจ้าหน้าที่ขาดเหลืออะไรในการดำเนินการป้องกันและปราบปรามก็ต้องจัดหาให้เป็นการเสริมเขี้ยวเล็บให้ในการปราบปรามมการกระทำผิดด้วย ทั้งนี้ในส่วนของพะยูนมาเรียมก็จะไปดูว่าเจ้าหน้าที่มีการจัดการอย่างไร วันนี้เป็นห่วงในเรื่องคนที่เข้าไปดูมาเรียมว่าจะเป็นการรบกวนการใช้ชีวิตตามธรรมชาติหรือไม่ ซึ่งอาจจะต้องหาแนวทางบริหารจัดการและจำกัดจำนวนคน เพื่อให้สมดุลและไม่เป็นการรบกวนมาเรียมมากเกินไป

Advertisement

นายวราวุธ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ล่าสุดตนได้เห็นคลิปที่มีชาวประมงจับโลมาขึ้นมาบนเรือกว่า 10 ตัว ซึ่งมีการแชร์กันในโลกโซเชียล เมื่อเห็นแล้วถึงกับของขึ้น ว่าเขาทำอย่างไรได้อย่างไรโดยไม่มีจิตสำนึก ไม่นึกถึงหน้าตาของประเทศชาติ ทั้งนี้คาดว่าคลิปดังกล่าวอาจเกิดขึ้นในน่านน้ำสากลในต่างประเทศ โดยเป็นการจับปลาทูน่าแล้วโลมาตามเข้ามากินปลาในอวน ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจหรือกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ต้องเร่งติดตามและดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิด อย่างไรก็ตามการดำเนินการทางกฎหมายก็เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ซึ่งหมายถึงความเสียหายได้เกิดขึ้นแล้ว ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงต้องกวดขันและสร้างจิตสำนึกให้กับทุกคนที่ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในทะเล โดยเฉพาะไต้ก๋งเรือที่ต้องมีจิตสำนึก ซึ่งเรื่องของทรัพยากรทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไม่ใช่เรื่องของวันนี้เท่านั้น แต่เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้และอนาคตที่เราต้องส่งต่อให้ลูกหลานต่อไป

ทั้งนี้เฟซบุ๊ก “อนุวัต จัดให้”ของนายอนุวัต เฟื่องทองแดง ได้เผยแพร่คลิปเรือประมงจับโลมาจำนวนนับ 10 ตัวที่ติดอวนขึ้นมาบนเรือ โดยไม่แน่ชัดว่าโลมาดังกล่าวยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ก่อนจะปล่อยทิ้งกลับลงไปในทะเล ซึ่งโลกโซเชียลได้มีการแชร์คลิปดังกล่าวออกไปจำนวนมาก พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและดำเนินการเอาผิดกับเรือประมงดังกล่าว

ด้านนายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) กล่าวว่า ให้เจ้าหน้าที่ทช.สืบทราบแล้วว่า เรือประมงที่จับโลมาปากขวดนั้น เป็นเรือประมงในทะเล จ.ปัตตานี ซึ่งให้เจ้าหน้าที่นำตัวเจ้าของเรือมาทำการสอบสวนเบื้องต้นแล้ว หากได้รายละเอรยดมาจะได้ดำเนินการตามกฏหมายต่อไป เพราะไม่รู้ว่า ในที่สุดแล้วมีการปล่อยโลมาทั้งหมดกลับสู่ทะเลหรือเปล่า หรือในที่สุดแล้วโลมาทั้งหมดตายหรือเปล่า ทั้งนี้ การนำสัตว์อย่างโลมาขึ้นมาบนเรือถือว่าผิดกฏหมายอยู่แล้ว และหากทำให้โลมาทั้งฝูงนั้นตายก็ย่อมผิดกฏหมายตามพระราชบัญญัติ(พ.น.บ.)คุ่มครองสัตว์ป่า พซ.2535 แน่นอน เบื้องต้นโทษก็คือ ปรับ 4 หมื่นบาท จำคุกไม่เกิน 4 ปี

Advertisement

 

อธิบดีทช. กล่าวถึงเรื่องมีพะยูนตายค่อนข้างถี่ในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมาว่า ยอมรับว่าเป็นแบบนี้จริงๆ คือ ต้องเจอเรื่องเศร้าเกี่ยวกับพะยูนมากถึง 7 ตัว คือ ตายไป 5 ตัว และรอดมาให้ดูแล อีก 2 ตัว คือ มาเรียม และยามีน โดยเหตุการทั้งหมดเกิดขึ้นที่ จ.กระบี่ ทั้งสิ้น ซึ่งวันนี้ รัฐมนตรีทส.ได้สั่งการให้ไปร่วมหารือกับทางผู้ว่าราชการ จ.กระบี่ ว่าเกิดอะไรขึ้น รวมทั้งต้องหารือมาตรการเร่งด่วนและค่อนข้างซีเรียสเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะพะยูนถือเป็นสัตว์หายากและถือว่าใกล้จะสูญพันธุ์เต็มที

เมื่อถามว่า ถือว่ามีกระบวนการอะไรหรือไม่ ทำไมพะยูน และสัตว์ทะเลหายากจึงมามีอันเป็นไปในช่วงเวลานี้ติดกันหลายๆตัว นายจตุพร กล่าวว่า ไม่น่าจะใช่ขบวนการ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ทช.ทุกคนในพื้นที่ก็ทำงานเต็มที่ และยังได้รับความช่วยเหลือจากประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างดี เข้าใจว่าหากจะมีใครทำอะไรก็น่าจะเป็นเรื่องของบุคคลมากกว่า

ผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องที่มีการเอาน้ำตาดุหยง หรือที่อ้างกันว่า น้ำตาจากพะยูนของแท้ 100% มาขายกันทางสื่อออนไลน์ โดยขายกันในราคาหลอดละ 799 บาท เรื่องแบบนี้ ทช.จะดำเนินการอะไรบ้าง นายจตุพร กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า เป็นความเชื่อแบบผิดๆหากจะเชื่อว่า น้ำตาพะยูนนั้นเอาไปรักษาโรค หรือใช้เป็นยาทำเสน่ห์ให้คนอื่นมารักมาหลง เพราะน้ำตา หรือน้ำมัน ไม่สามารถทำให้ใครมารักมาหลงได้ และในทางกฏหมาย หากใครทำแบบนี้ แม้กระทั่งคนที่เอาสิ่งนี้มาขายก็เข้าข่ายกระทำผิดกฏหมาย หากพิสูจน์แล้วว่า สิ่งนั้นไม่ใช่น้ำมัน หรือน้ำตาพะยูนจริง ก็เข้าข่ายหลอกลวงผู้อื่น และ แม้ว่าจริงก็ถือว่าผิดพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า เพราะพะยูนเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังสืบหาตัวผู้ที่กระทำการนี้อยู่ ซึ่งก็ไม่น่าจะหายาก

ขอบคุณ

ภาพจากคลิป เพจ อนุวัต เฟื่องทองแดง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image