‘อนุทิน’ จ่อแก้ระเบียบรับรอง ‘อ.เดชา -หมอพื้นบ้าน 3,000 ราย’ หลังคุณสมบัติโดนตีตก เตรียมถอดสารซีบีดี ในกัญชาพ้นยาเสพติดทันที หลังแถลงนโยบายต่อรัฐสภา

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 21 กรกฎาคม ที่ห้องหอวัง โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ รวมถึงนักวิชาการด้านกัญชาทางการแพทย์ และนักธุรกิจด้านกัญชารักษาโรค เข้าร่วมหารือกับ เครือข่ายสนับสนุนกัญชาเสรีเพื่อการรักษาโรคสำหรับประชาชน 12 องค์กร นำทีมโดย นายเดชา ศิริภัทร หรือ “อาจารย์เดชา” ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ จ.สุพรรณบุรี น.ส.รสนา โตสิตระกูล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิสุขภาพไทย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต และนายยืนยง โอภากุล (แอ๊ด คาราบาว) นักแสดงศิลปิน เกี่ยวกับประเด็นเรื่องกัญชาทางการแพทย์ โดยเฉพาะในประเด็นสืบเนื่องจากคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษที่ไม่รับรองตำรับน้ำมันกัญชาสูตรนายเดชา ว่าจะมีทางออกอย่างไร รวมถึงแนวทางเกี่ยวกับแก้ไขประกาศระเบียบการรับรองหมอพื้นบ้าน 2562 ฉบับใหม่ ให้มีการรับรองหมอพื้นบ้าน 3,000 รายเดิมที่ได้รับการรับรองตามระเบียบของกรมการแพทย์แผนไทยก่อนหน้านี้ให้ได้รับการยกระดับตามระเบียบใหม่อัตโนมัติไปเลย โดยใช้เวลาหารือประมาณ 2 ชั่วโมง ก่อนให้สัมภาษณ์

ต่อมาเวลา 11.00 น. นายอนุทิน กล่าวว่า สำหรับการหารือวันนี้เพื่อพิจารณาหาทางออก กรณีหมอพื้นบ้านที่ใช้วิธีการรักษาโรคโดยใช้สารกัดจากกัญชา เพื่อให้ทั้งผู้รักษาและผู้ได้รับการรักษาไม่ให้โดนกล่าวหาว่ากระทำผิดกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมาทางนายเดชา ได้รับประกาศนียบัตรแพทย์แผนไทย รับรองเป็นหมอพื้นบ้านเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทางกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้มีการแก้ไขระเบียบว่าด้วยการรับรองหมอพื้นบ้าน ส่งผลต่อผู้ที่ได้รับการรับรองทั้งนายเดชา และหมอพื้นบ้านรายอื่นรวม 3,000 คน ทำให้คุณสมบัติหมดสภาพไป โดยทางออกในการหารือครั้งนี้ ตนจะมีการพิจารณาแก้ไขระเบียบกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการรับรองรองหมอพื้นบ้าน พ.ศ. 2562 ฉบับดังกล่าว รวมทั้งเพิ่มเติมข้อความและเนื้อหาให้นายเดชา และหมอพื้นบ้านอีก 3,000 กว่าคนได้กลับมาได้รับการรับรองอีกครั้ง หลังจากนั้นตนจะพิจารณาการรับรองตำรับยาที่ผลิตมาจากสารซีบีดี ผลักดันให้ผ่านคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่จะต้องดำเนินการ และขอให้ทางคณะการควบคุมยาเสพติดให้โทษปลดล็อกสารซีบีดีออกจากเป็นสารเสพติด ซึ่งเป็นสารสกัดสำคัญ เพื่อให้ใช้ทางการแพทย์ได้ โดยคาดว่าจะดำเนินการได้ทันที ภายหลังแถลงนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมรัฐสภา


“ทั้งหมดคาดว่าสามารถดำเนินการได้ เพราะอยู่ภายใต้อำนาจ และดุลพินิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งการกระทำดังกล่าว ถือว่าไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาใดๆที่จะตามมา ซึ่งผมถือว่ากลับเป็นประโยชน์ด้วยซ้ำกับคนที่ได้รับผลกระทบกว่า 3,000 คน” นายอนุทิน กล่าว

Advertisement

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรอบระยะเวลาในการแก้ระเบียบดังกล่าว นายอนุทิน กล่าวว่า อยู่ที่ขั้นตอนการร่างระเบียบ รวมทั้งเนื้อหาและข้อความต้องให้รัดกุม โดยที่ข้อความนั้นจะต้องไม่โดนโจมตีได้ว่าเราทำเพื่อประโยชน์ของใครคนหนึ่งแต่เป็นประโยชน์ส่วนรวมของบ้านเมือง เรื่องดังกล่าวมองว่าไม่มีปัญหาอะไร เพราะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของตน

เมื่อถามว่ากรณีที่นายเดชาจะต้องรอคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษพิจารณาให้ผ่านสารซีบีดีก่อนหรือไม่ ถึงจะสามารถแจกตำรับยาได้ ว่า ส่วนนี้ต้องรอการปลดล็อกสารซีบีดีออกจากการเป็นสารเสพติดก่อน นายเดชาถึงจะสามารถจ่ายยาน้ำมันกัญชาแก่ผู้ป่วยได้ ซึ่งที่ผ่านมาทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการรับลูกเรื่องดังกล่าวไว้เรียบร้อยแล้ว อีกทั้ง ก็เป็นนโยบายที่ชัดเจน โดยเบื้องต้นเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทางพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังได้กำชับถึงเรื่องนโยบายดังกล่าว พร้อมสั่งการให้พิจารณาเรื่องนี้ให้เรียบร้อย ตลอดจนให้เตรียมการหาข้อมูลให้ดีที่สุดเพื่อได้นำมาใช้ทางการแพทย์ได้

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ที่ฝ่ายค้านเตรียมซักฟอกประเด็นดังกล่าว นายอนุทิน กล่าวว่า อยู่ที่ความตั้งใจและเจตนารมณ์ เพราะถ้าเราตอบได้ว่าไม่เป็นไปตามข้อกล่าวหา ไม่ได้ทำมาเพื่อเอื้อประโยชน์คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือเอื้อประโยชน์แก่ภาคธุรกิจ แต่เป็นการทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ เราก็ต้องตอบให้ได้ ซี่งทุกพรรคการเมืองก็มีนโนบายเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว หากการชี้แจงแล้วทุกคนเห็นถึงผลประโยชน์ ทุกคนก็สนับสนุน

Advertisement

ด้านนายเดชา กล่าวว่า ในส่วนของตน ขณะนี้รู้สึกพอใจในการพูดคุยครั้งนี้ ซึ่งตนได้มีการปรึกษาถึงระยะเวลาในการแก้ไขร่างกระทรวงฯ ปัจจุบันมีคนไข้ที่อยู่ในการดูแลทยอยเข้ามากว่า 40,000 คน จึงมีความกังวลในระหว่างที่แก้ร่างดังกล่าวจะส่งผลต่อผู้ป่วยที่ไม่ได้รับยารักษาต่อเนื่อง เสียชีวิต ซึ่งขณะนี้มีผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งเสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 1 ราย หากเป็นรัฐบาลเก่า ตนมองว่าจะเดินหน้าทำต่ออย่างไรไม่สนใจแม้ว่าจะผิดกฎหมาย แต่เมื่อการเจรจาในรัฐบาลชุดนี้ออกมา ตนก็พร้อมที่จะหยุดการกระทำที่ผิดกฎหมาย เพราะเห็นความตั้งใจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณาสุข (สธ.)

“ทั้งนี้ ตนจะประกาศยุติการจ่ายยาน้ำมันกัญชาสกัดจนกว่าจะมีการรับรองหมอพื้นบ้าน ให้เป็นไปตามระเบียบ พร้อมจะนำผู้ป่วยที่อยู่ในการรักษากว่า 40,000คน เข้าสู่การรักษาของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ เงื่อนไขก็เป็นไปตามความสมัครใจของผู้ป่วย โดยตนจะรับเป็นที่ปรึกษาในการประสานงานระหว่างผู้ป่วยกับโรงพยาบาบลในกระทรวง ทั้งนี้ หลังจากที่ได้รับการรับรองแล้ว หากผู้ป่วยต้องการรักษาต่อเนื่องกับโรงพยาบาลในสธ. ก็เป็นสิทธิของผู้ป่วย” นายเดชากล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image