กลุ่มอนุรักษ์สัตว์เฮ “ท็อป” ให้สัญญา ไม่ส่งช้างไทยไปเมืองนอกเด็ดขาด (คลิป)

เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม องค์กรเพื่อสิทธิสัตว์แห่งประเทศไทย จำนวน 36 องค์กร เดินทางเข้าพบ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เพื่อคัดค้านการส่งออกช้างไทยไปต่างประเทศ

น.ส.แสงเดือน ชัยเลิศ ประธานมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า องค์กรเพื่อสิทธิสัตว์แห่งประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วย องค์กรสวัสดิภาพสัตว์ และกลุ่มคนรักสัตว์ทั่วประเทศ ที่ได้เคลื่อนไหวช่วยเหลือสัตว์ที่ตกอยู่ในสถานะยากลำบากในประเทศไทยกว่า 30 องค์กร ได้ตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดกับช้างซึ่งเป็นทรัพยากรอันมีค่าของประเทศไทย หลังกระทรวงพาณิชย์ได้ออกระเบียบกระทรวง ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข ในการอนุญาตให้ส่งช้างออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ.2562 เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้ทางองค์กรกลุ่มคนรักสัตว์ต่างแสดงความวิตกกังวลว่าการออกระเบียบส่งออกช้างเป็นการริดรอนสิทธิของช้างไทยและส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชากรช้างไทยที่เป็นสัตว์สัญลักษณ์ของประเทศ

“ในรอบหลายทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ส่งช้างไทยไปยังประเทศต่างๆ โดยใช้ข้ออ้างช่องโหว่ทางกฎหมายในการหาสาเหตุนำช้างส่งออกไปยังต่างประเทศ เช่น การส่งช้างเป็นของขวัญ หรือส่งเป็นบรรณาการ ส่งไปเพื่อการค้า ส่งไปโดยอ้างว่าเพื่อแลกเปลี่ยนสัตว์ตามนโยบายสวนสัตว์ การยืมช้างไปเพื่อวิจัย ซึ่งการนำช้างทั้งหมดเหล่านี้ไปยังต่างประเทศมีหลายหน่วยงาน และทำตามสนธิสัญญาไซเตส (CITES) ช้างบางเชือกได้ล้มตายขณะขนส่ง เช่น ช้างพลายที่ส่งจาก กาญจนบุรี ไปประเทศจีน ช้างได้ตายบนเครื่องบิน ช้างหลายเชือกใช้ข้ออ้างว่ายืมไปทำวิจัย เช่น ช้างที่ส่งไปยังสวนสัตว์ที่ประเทศเยอรมัน ทำเรื่องไปว่าเอาไปเพื่อการวิจัยแต่จนกระทั่งบัดนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เคยทำหน้าที่ติดตามความเป็นอยู่ของช้าง และหาทางนำช้างกลับมาประเทศไทย ทั้งๆ ที่เลยเวลาที่กำหนดไปแล้ว” น.ส.แสงเดือน กล่าว

Advertisement

น.ส.แสงเดือน กล่าวว่า ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ส่งช้างไปยังสวนสัตว์ต่างๆ ทั่วโลกรวมทั้งมีสัญญาผูกพันเรื่องกำหนดระยะเวลาส่งคืน แต่ไม่เคยมีหน่วยงานไหนชี้แจงความคืบหน้าในการทวงคืนช้างเหล่านั้นกลับมา หรือได้รายงานให้กับสาธารณชนทราบถึงชีวิตความเป็นอยู่ของช้างตามที่กล่าวอ้างเลย ซึ่ง ปัจจุบันประเทศไทยมีช้างเลี้ยงที่ลงทะเบียนไม่ถึง 4,000 เชือก จากที่เคยมีเป็นหลักแสนในอดีต ซึ่งจำนวนประชากรช้างที่เหลือในปัจจุบัน ถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤต ถ้าเราปล่อยให้กรมการค้าต่างประเทศอนุญาตนำช้างที่เหลือเพียงน้อยนิดนี้ไปขายยังต่างประเทศ เราจะเสี่ยงที่จะไม่มีช้างเหลืออยู่ในประเทศอีกต่อไป อีกทั้งจะส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของช้างป่า จากการอนุญาตให้มีการส่งชิ้นส่วนช้างและงาช้างออกไปขายได้ จะทำให้เกิดการจับช้างป่า ล่าและฆ่าช้างป่ามากยิ่งขึ้น

Advertisement

“ซึ่งทางกลุ่มคนรักสัตว์ได้ติดตามอย่างใกล้ชิดถึงสถานการณ์ความเป็นอยู่ของช้างป่าในประเทศไทย และจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าหลังจากมีการประกาศระเบียบดังกล่าว มีช้างป่าถูกฆ่าเอางาถี่ขึ้น ในหลายพื้นที่ของประเทศไทย ล่าสุดที่ จ.นราธิวาส มีการช้างป่าถูกฆ่าเอางา 2 เชือก ติดกันในรอบ 1 เดือน นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่ลูกช้างป่าจะถูกจับมาสวมสิทธิ์เพื่อการส่งออกมากยิ่งขึ้น การอนุญาตส่งออกช้างไปต่างประเทศ จึงเป็นผลเสียอย่างสิ้นเชิง กรมการค้าต่างประเทศมุ่งหวังที่จะส่งออกช้างซึ่งเป็นสัตว์ประจำชาติออกไปยังต่างประเทศโดยไม่ศึกษารายละเอียด และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อการดำรงอยู่ของช้าง ทั้งช้างป่าและช้างบ้าน
ทางองค์กรเพื่อสิทธิสัตว์แห่งประเทศไทย คำนึงถึงชีวิตและสวัสดิภาพของช้าง จึงขอความกรุณารัฐมนตรีได้พิจารณาแนวทางในการยับยั้งระเบียบฉบับนี้ หรือให้การบังคับใช้เป็นไปโดยการคำนึงถึงสวัสดิภาพสัตว์เป็นสำคัญ องค์กรเพื่อสิทธิสัตว์แห่งประเทศไทย หวังเป็นอย่างยิ่งว่า นายวราวุธในฐานะที่กำกับดูแลทรัพยากรธรรมชาติของประเทศไทยจะเล็งเห็นความสำคัญต่อการปกป้องช้างไทยให้คงอยู่คู่แผ่นดินไทยตลอดไป” น.ส.แสงเดือน กล่าว

ด้านนายวราวุธ กล่าวว่า ไม่รู้ว่ากระทรวงอื่น รัฐมนตรีจะถูกรับน้องในการรับตำแหน่งวันแรกเหมือนตนหรือไม่ แต่ยินดีต้อนรับทุกกลุ่ม และเรื่องส่งช้างไปเมืองนอกนั้น ขอยืนยันว่า ตราบใดที่ยังเป็นรัฐมนตรีว่าการ ทส.จะไม่มีการส่งช้างไทยไปเมืองนอกอย่างเด็ดขาด และถึงแม้ว่าจะไม่เป็นรัฐมนตรีก็จะยืนยันว่าจะเดินหน้าทำงานเพื่อไม่ให้มีการนำเอาข้างไทยออกนอกประเทศอย่างเด็ดขาด และไม่เฉพาะช้างเท่านั้น สัตว์ป่าทุกชนิดก็จะดูแลเป็นอย่างดี

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image