ทีม สบส.-สสจ.นนทบุรี สอบ รพ.เอกชน ย่านบางใหญ่ หลังถูกร้องปฏิเสธรักษาเพราะไม่วางเงินแสน

จากกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลหญิงรายหนึ่งเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากการที่บุตรชายเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชน เข้ารักษาที่โรงพยาบาลเอกชนย่านบางใหญ่ แต่ถูกปฏิเสธการรักษาเพราะไม่มีเงินสดจำนวน 100,000 บาท ไปวางก่อนจะรักษา จนต้องส่งตัวผู้บาดเจ็บเข้ารับการรักษาพยาบาลกับโรงพยาบาลรัฐและผู้บาดเจ็บได้เสียชีวิตในเวลาต่อมานั้น

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม นพ.ณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ได้สั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่จากสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ และกองกฎหมาย สบส. ดูแลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดความกระจ่างและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ล่าสุด พนักงานเจ้าหน้าที่จาก สบส. ได้ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) นนทบุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่สถานพยาบาลเอกชนที่ถูกกล่าวอ้าง โดยมุ่งตรวจสอบในประเด็นสำคัญ 2 ประเด็น ได้แก่ 1.ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุสถานพยาบาลมีการประเมิน และช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ป่วยฉุกเฉิน ซึ่งอยู่ในสภาพอันตรายและจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลเพื่อให้พ้นจากอันตรายตามมาตรฐานวิชาชีพ หรือถ้ามีความจำเป็นต้องส่งต่อเพื่อไปรับการรักษาพยาบาลที่สถานพยาบาลอื่น ได้จัดให้มีการส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลอื่นอย่างเหมาะสมหรือไม่ 2.สถานพยาบาลมีการประเมินเกณฑ์ผู้บาดเจ็บว่าเข้าข่ายฉุกเฉินวิกฤต ตามนโยบาย “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่” (Universal Coverage for Emergency Patients: UCEP) หรือไม่ ก่อนนำข้อมูลที่ได้เสนอแก่ที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียน ซึ่งประกอบด้วย คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐ และเอกชน อาทิ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สำนักงานอัยการสูงสุด และสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ฯลฯ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบว่าสถานพยาบาลไม่ได้ดำเนินการตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด จะดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายโดยไม่มีการละเว้นแต่อย่างใด

“อย่างไรก็ตาม เพื่อความถูกต้องและป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยหรือญาติเกิดความเข้าใจผิดต่อบริการของสถานพยาบาล ในการประเมินเกณฑ์ผู้ป่วยฉุกเฉินทุกครั้ง ขอให้ใช้ระบบบันทึกและประเมินผู้ป่วย (UCEP) ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) เป็นหลัก หากผู้ป่วยเข้าข่ายผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต (สีแดง) สถานพยาบาลต้องให้การรักษาพยาบาลอย่างเต็มความสามารถ โดยห้ามเรียกเก็บค่าใช้จ่ายภายใน 72 ชั่วโมงแรก และ หากพบปัญหาในการวินิจฉัยคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต สามารถปรึกษาขอคำวินิจฉัยจากศูนย์ประสานงานคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตของ สพฉ. ผ่านสายด่วน 0 2872 1669 ตลอด 24 ชั่วโมง โดยให้ยึดคำวินิจฉัยของศูนย์ประสานงานคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตเป็นที่สุด” นพ.ณัฐวุฒิ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image