เมื่อเวลา 15.20 น. วันที่ 27 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สนช. กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้จัดงานสตาร์ตอัพ ไทยแลนด์ 2019 Startup Thailand 2019 ที่ทรู ดิจิทัล พาร์ค สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ปุญญวิถี ย่านบางนา โดยได้มีการเชิญ น.ส.คริสตี้ แคลลี่ ผู้จัดการกองทุนของ CannAbility Foundation และได้รับยกย่องว่าเป็น 1 ใน 50 ของผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลด้านกัญชาในสหรัฐอเมริกา มาปาฐกถาพิเศษเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ
น.ส.คริสตี้กล่าวตอนหนึ่งว่า ขณะนี้ประเทศไทยนับเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกฉียงใต้ที่อนุญาตให้นำกัญชามาใช้ทางการแพทย์ได้อย่างถูกกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการอนุญาตให้ทำการวิจัยและพัฒนาอย่างถูกกฎหมาย อนุญาตให้ผู้ป่วยใช้กัญชาในการรักษาได้ภายใต้การดูแลของแพทย์ บุคคลที่ได้รับใบอนุญาต จะสามารถผลิต แปรรูป นำเข้าและส่งกัญชาเพื่อจุดประสงค์ทางการแพทย์ได้ แต่นอกเหนือจากด้านการแพทย์ บทบาทลงโทษของการครอบครองกัญชายังเหมือนเดิม
การนำกัญชาเข้ามาใช้ในประเทศไทย จะทำให้เกิดความเจริญเติบโตในด้านการแพทย์สูงถึง 7 พันล้านบาท และสูงถึง 21,000 ล้านบาทในปี 2024 และในเอเชียมีผู้บริโภคกัญชาถึง 86 ล้านคน และจะสร้างรายได้ให้ได้สูงถึง 174,000 ล้านบาท ในปี 2024 นอกเหนือจากนี้กัญชายังสร้างงานต่างๆ ให้เกิดขึ้นได้มากอีกด้วย โอกาสสำหรับวงการกัญชานั้นมีกว้างมากและคนที่ไขว่คว้าได้เร็วที่สุดจะได้ประโยชน์จากมันมากที่สุดทั้งในประเทศและนอกประเทศ น.ส.คริสตี้กล่าว และว่า หากกัญชาได้รับการผลักดันให้ถูกกฎหมาย จะเกิดโอกาสในกลุ่มธุรกิจสตาร์ตอัพต่างๆ ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เพราะยังไม่มีใครลงไปทำธุรกิจในส่วนต่างๆ ตั้งแต่การปลูกกัญชา การเก็บเกี่ยว การผลิต การทดลอง การส่ง การวิจัยและพัฒนา ดังนั้น ประโยชน์และโอกาสต่างๆ ที่เกิดจากการใช้กัญชาอย่างถูกต้องทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น เกิดการจ้างงานในกระบวนการผลิตที่ไม่ได้เกี่ยวกับกัญชาโดยตรง ผู้ที่มองเห็นโอกาสหรือสตาร์ตอัพจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์ เพราะวงจรทั้งหมดยังไม่มีใครเข้าถึงหรืออยู่ในระบบดังกล่าว
น.ส.คริสตี้กล่าวว่า ภายในปี พ.ศ.2564 นั้นคาดว่า ความเป็นกัญชาผิดกฏหมายในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแก้กฏหมาย หรือการเปิดกัญชาเสรีทางการแพทย์ จะทำให้กัญชาผิดกฏหมายหายไปถึง 64% ของทั้งโลก ทั้งนี้จะมีการพัฒนารูปแบบกัญชาออกไปเพื่อใช้ประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโลชั่นดูแลผิวพรรณ เครื่องสำอาง หรือเนยทาขนมปัง
นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ สนช.กล่าวว่า กัญชาเป็นสมุนไพรไทยโบราณ การใช้ทางการแพทย์เพิ่งเริ่มจะถูกกฎหมายทำให้เสียดุลการค้ามาเลเซียและญี่ปุ่นเพราะสองประเทศดังกล่าวนำสมุนไพรพื้นบ้านของไทยไปวิจัย-แปรรูป-ขาย การนำวิธีโบราณมาผสมผสานกับวิธีสมัยใหม่ จะช่วยสร้างงานและรายได้ สร้างมูลค่าให้กับเศรษฐกิจของประเทศโดยประชาชนจะได้รับความคุ้มครองอย่างเหมาะสม โดยสำนักพิมพ์ Bloomberg คาดว่าอุตสาหกรรมกัญชาโลกประกอบด้วยกัญชาการแพทย์ กัญชาบันเทิง และสิ่งทอกัญชาจะมีมูลค่ารวมถึง 13,000 ล้านเหรีญสหรัฐ ภายในปี 2029 ประเทศไทยสามารถร่วมมือกับ น.ส.คริสตี้ได้สำหรับการวางแผนเกี่ยวกับกฎหมายด้านกัญชาเพื่อประโยชน์สูงสุดสาหรับรัฐบาลและผู้บริโภค การเพาะปลูกและการขายกัญชา การหาพาร์ตเนอร์นาเข้ากัญชา และการวิจัยกัญชาสำหรับการแพทย์
สาเหตุที่เชิญคริสตี้มาพูดในครั้งนี้ เพื่อต้องการให้เล่าถึงประสบการณ์ การทำงาน และอยากให้กลุ่มสตาร์ตอัพประเทศไทย เห็นถึงโอกาสจากที่คริสตี้พูด โดยภาคอุตสาหกรรม และสตาร์ตอัพ สามารถใช้เทคโนโลยีเพื่อดึงเอากัญชามาแปรรูปในรูปแบบต่างๆ สำหรับใช้ประโยชน์ทางด้านการแพทย์ได้ นายพันธุ์อาจกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ น.ส.คริสตี้ ปัจจุบันยังเป็นผู้อำนวยการบริหาร Trade organization Marijuana Industry Group เป็นสมาคมการค้าที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับธุรกิจกัญชาที่ได้รับใบอนุญาตในโคโลราโด และมีประสบการณ์เกี่ยวกับการใช้มูลค่าทางด้านกัญชาทั้ง ด้านกฎหมาย ด้านการเพาะปลูก และด้านการขาย โดย น.ส.คริสตี้ีจบจากมหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ เริ่มทำงานกับกัญชาผ่านการเป็นนักลงทุน และเจ้าของกลุ่มธุรกิจเพาะปลูกและผลิตกัญชาในช่วงแรกที่กัญชาถูกกฎหมายและถูกนามาใช้ทางการแพทย์ ปัจจุบันได้ขายกลุ่มธรุ กิจและให้คำปรึกษาธุรกิจเกี่ยวกับกัญชาทั่วประเทศ เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง และกรรมการของ Fourth Corner Credit Union เป็นสถาบันการเงินกัญชาแห่งแรกของโลก และผู้จัดการทรัพย์สิน ของมูลนิธิ CannAbility เพื่อช่วยครอบครัวและเด็กที่กัญชาสามารถช่วยได้ นอกจากนี้ น.ส.คริสตี้ยังได้รับยกย่องว่าเป็น 1 ใน 100 ผู้ทรงอิทธิพลทางด้านการเมืองที่เกี่ยวกับกัญชาของโลก
นายสันทัด เดชเกิด แกนนำเครือข่ายจิตอาสาภาคประชาสังคม อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า หลังได้รับการรับรองเป็นหมอพื้นบ้านจากกระทรวงสาธารณสุขจากสูตรยาโบราณบุญมรกตโอสถที่มีส่วนผสมของกัญชา แต่ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เพิกถอนเนื่องจากแจ้งว่าขาดคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ใหม่ที่ประกาศใช้ เนื่องจากตนมีอายุ 32 ปี แต่กฎหมายกำหนดอายุหมอพื้นบ้านไม่ต่ำกว่า 35 ปี ล่าสุดเห็นด้วยกับรัฐมนตรีสาธารณสุขคนใหม่ ที่จะพิจารณาเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ขึ้นทะเบียนหมอพื้นบ้านทั่วประเทศกว่า 3,000 ราย เนื่องจากการทำหน้าที่หมอพื้นบ้าน ส่วนใหญ่ทำงานในฐานะจิตอาสาสืบทอดภูมิปัญญาการรักษาผู้ป่วยจากบรรพบุรุษ
หมอพื้นบ้านที่มีประสบการณ์ จะเข้าใจตัวยาสมุนไพรที่นำมาใช้ปรุงยาให้คนป่วย เพราะยาแต่ละตัวที่สืบทอด ผ่านการรักษาผู้ป่วยมาหลายชั่วอายุคน การทำหน้าที่หมอพื้นบ้านไม่จำเป็นต้องจำกัดอายุตามกฎหมายเดิม เนื่องจากปัจจุบันคนรุนใหม่ไม่สนใจสืบทอดภูมิปัญญาโบราณ ทำให้สูตรยาโบราณเสื่อมหายไป แต่หลังมีกระแสการใช้กัญชาเป็นตัวยา
ทำให้หมอพื้นบ้าน หรือแพทย์แผนไทยกลับมามีบทบาทอีกครั้งในการบำบัดรักษาผู้ป่วย หากหน่วยงานภาครัฐใช้กฎหมายกีดกัน จะทำให้ผู้ป่วยหนีการรักษาในโรงพยาบาลเพื่อแอบใช้ยามากขึ้น ทำให้ภาครัฐไม่ทราบข้อมูลสุขภาพของประชาชนในประเทศตามข้อเท็จจริง นายสันทัดกล่าว และว่า สำหรับนโยบายที่จะให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ดูแลผู้ป่วยที่ใช้กัญชา จำเป็นต้องให้ อสม.อบรมเป็นเวลานานพอสมควร และต้องคัดเลือก อสม.ที่มีจิตอาสาในงานบริการสังคม เพราะการใช้กัญชาไม่เหมือนยาแผนปัจจุบัน ต้องปรับใช้ตามความเหมาะสมของผู้ป่วยแต่ละราย รวมทั้งต้องระวังการใช้ยาอื่นประกอบ การรับประทานผัก ผลไม้ สมุนไพรบางประเภทอาจทำให้เสริมฤทธิ์ของตัวยากัญชามากเกินไป ทำให้ผู้ป่วยมีอาการข้างเคียง