สสส.หนุนเพิ่มคุณภาพชีวิตสูงวัย ดูแลช่องปาก-ฟันดี 20 ซี่ เพิ่มทัตนแพทย์ระดับตำบล

วันที่ 28 กรกฎาคม นางภรณี ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) กล่าวว่า สสส.ให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมในมิติต่างๆ เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ โดยเฉพาะการดูแลสร้างเสริมให้มีผู้สูงอายุมีสุขภาพที่ดี เป็นผู้สูงอายุที่แข็งแรง โดยเฉพาะประเด็นสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ ซึ่งยังคงเป็นประเด็นที่สังคมและผู้สูงอายุยังมองข้าม เนื่องจากมีการมีสุขภาพช่องปากและฟันที่สะอาดจะช่วยให้ผู้สูงอายุรู้สึกสบาย ไม่เจ็บปวด ไม่มีกลิ่นปาก กินอาหารได้ตามปกติ และได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ ลดความเสี่ยงติดเชื้อ โดยเฉพาะปัญหาปอดติดเชื้อจากการสำลัก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้

“การดูแลช่องปากอย่างดีจะช่วยให้ผู้สูงอายุใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข และส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม สสส.จึงร่วมกับมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส.) สนับสนุนการพัฒนาองค์ความรู้และข้อเสนอเชิงนโยบายประกอบการจัดทำแผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ 3 โดยประเด็นสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุไทยเป็นหนึ่งในข้อเสนอสำคัญ ที่จะเสนอให้บรรจุไว้ในแผนผู้สูงอายุแห่งชาติที่เป็นแผนระยะ 20 ปี และจะเริ่มในปี 2566 ซึ่งปัจจุบันอยู่ในแผนฯ ฉบับที่ 2 พ.ศ.2545-2564 แต่ประเด็นสุขภาพช่องปากของผู้สูงอายุยังไม่ได้ถูกให้ความสำคัญมากนัก โดยการสนับสนุนการวิจัยประเด็นสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุไทย ผ่านโครงการการทบทวนสถานการณ์ความต้องการระบบและเครื่องมือที่จะตอบสนองต่อปัญหาของผู้สูงอายุ ในประเทศไทยและการพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยระยะกลาง โดย นพ.วิชช์ เกษมทรัพย์” นางภรณี กล่าว

นางภรณี กล่าวว่า ผลสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากประเทศไทยปี 2560 พบว่าผู้สูงอายุวัย 60-75 ปี สูญเสียฟันทั้งปากร้อยละ 8.7 และเพิ่มเป็นร้อยละ 31 ในวัย 80-85 ปี สาเหตุจากโรคฟันผุและโรคปริทันต์ แม้ว่าผู้สูงอายุจะมีสิทธิรับบริการด้านสุขภาพช่องปาก ทั้งด้านส่งเสริมป้องกัน รักษา และฟื้นฟู แต่ปัญหาคือ ไม่สามารถเข้าถึงบริการ เพราะเดินทางลำบาก ไม่มีคนพาไป รอคิวนาน นอกจากนี้ สสส.ร่วมกับ มส.ผส.จัดทำคู่มือการดูแลผู้สูงวัย ช่องปากสุขี สำหรับผู้จัดการการดูแลผู้สูงอายุ (care manager) ระดับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน เพื่อให้ทราบถึงวิธีการดูแลช่องปากของผู้สูงอายุกลุ่มติดบ้านกับกลุ่มติดเตียงซึ่งต่างมีเงื่อนไขเฉพาะตัว และสามารถเลือกใช้วิธีการที่เหมาะสมในการดูแลผู้สูงอายุแต่ละกลุ่มได้

Advertisement

ด้าน ทพญ.ชื่นตา วิชชาวุธ นักวิจัยอิสระ กล่าวว่า มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย เพื่อให้มีฟันดี 20 ซี่ ในวัย 80 ปี 1.เร่งผลิตทันตาภิบาล/นักวิชาการสาธารณสุขด้านทันตสาธารณสุข ลงไปใน รพ.สต.เพิ่มปีละกว่า 1,500 คน เพื่อให้มีจำนวนเพียงพอ 2.เพิ่มการเข้าถึงบริการโดยระบบบริการรัฐร่วมเอกชน ให้ผู้สูงอายุรับบริการจากคลินิกได้ตามสิทธิที่ยังขาดการบริการ ได้แก่ อุด ขูด ถอน ใส่ฟันเทียม รากฟันเทียม โดยไม่ต้องร่วมจ่าย 3.ทันตแพทยสภา กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พัฒนาหลักสูตรทันตแพทยศาสตรบัณฑิต และสาธารณสุขศาสตรบัณฑิต ในเรื่องการดูแลสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุโดยเฉพาะ 4.สธ. องค์กรปกครองท้องถิ่น รวมถึงกรุงเทพมหานคร (กทม.) พัฒนาระบบบริการทันตกรรมสำหรับผู้สูงอายุทุกกลุ่ม ตั้งแต่บริการทันตสาธารณะสุขในชุมชนที่สามารถค้นหาภาวะผิดปกติและส่งต่อไปยังระบบที่สามารถเชื่อมต่อระหว่างชุมชน ไปยัง รพ.สต. โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลศูนย์ เป็นเครือข่ายบริการปฐมภูมิที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง 5.สธ. และ อว.สนับสนุนงบประมาณเพื่อประเมินผลติดตามสถานการณ์เรื่องทันตสุขภาพของประชาชนไทยกลุ่มต่างๆ ทุก 2 ปี เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นปัจจุบันในการวางแผนการดำเนินงานพัฒนาระบบบริการทันตสุขภาพ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image