“อนุทิน” เร่งเครื่อง “กัญชาทางการแพทย์” สัปดาห์หน้าปลดล็อกกม.คืนสถานะ “หมอพื้นบ้าน” ยัน6ต้นมาแน่!

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ที่โรงแรมอิสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพมหานคร นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธานเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการวิจัยเชิงคุณภาพ มุมมองหลากมิติของการกำหนดทิศทางกัญชาทางการแพทย์ (Mapping the Thai Approach) จัดโดยองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ร่วมกับ กรมการแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และภาคีเครือข่ายการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ มีผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย แพทย์ เภสัชกร ผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัย นักวิชาการ และภาคประชาสังคม อาทิ นพ.พิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ รองปลัด สธ. นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิสงค์ เลขาธิการ อย. นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการ อภ. นพ.โสภณ เมฆธน ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม ภก.อนันต์ชัย อัศวเมฆิน จากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นต้น

ทั้งนี้ นายอนุทิน กล่าวปาฐกถาพิเศษ “กัญชาทางการแพทย์นำไปสู่มิติที่หลากหลายของสังคม” ตอนหนึ่งว่า ประเทศไทย มีองค์ความรู้ทางกัญชาเป็นของตัวเอง เพราะรู้จักกัญชามาหลายร้อยปี แต่วันหนึ่ง เมื่อกัญชากลายเป็นเรื่องผิดกฎหมาย องค์ความรู้ทั้งหลายก็ลบเลือนไป การใช้กัญชา กระทำอย่างหลบซ่อน ขณะเดียวกัน ในหลายประเทศกลับพยายามนำกัญชามาใช้ประโยชน์ สกัดสารต่างๆ มาใช้ทางการแพทย์ จึงต้องตระหนักว่าประเทศไทยก็มีของดี สมควรนำมาใช้ให้เกิดคุณค่า

นายอนุทิน กล่าวว่า การดำเนินนโยบายเรื่องนี้ มีความเสี่ยง แต่เชื่อเสมอว่าถ้าตั้งใจทำประโยชน์ อย่างบริสุทธิ์ใจ ย่อมไม่มีปัญหา โดยเฉพาะเรื่องการช่วยมนุษย์ ยิ่งสมควรทำ

Advertisement

“ล่าสุด มีผู้เชี่ยวชาญจากต่าวชาติมาคุยด้วย มีความสงสัยว่าจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้นายทุนต่างชาติ ขอย้ำว่า ผู้ที่มาหารือด้วย เป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์กัญชา ซึ่งประเทศไทยต้องการความรู้ในเรื่องดังกล่าว ถ้าเขาจะมาค้าขาย ก็ต้องซื้อของคนไทย จากคนไทย ให้ประโยชน์ตกแก่คนไทยเป็นลำดับแรก เพราะนโยบาย คือ Thailand First ซึ่งถือเป็นหลักการที่สำคัญมาก ในอนาคตกัญชานอกจากเป็นยา ยังเป็นรายได้เสริมให้กับครัวเรือนด้วย” นายอนุทิน กล่าว

นอกจากนี้ นายอนุทิน ยังกล่าวถึงนโยบายให้ประชาชนปลูกกัญชาบ้านละ 6 ต้น ว่า ต้องเกิดแน่นอน แต่ขอให้นโยบายทางการแพทย์สำเร็จก่อน ที่ให้นโยบายคือ โรงพยาบาลในสังกัด สธ. ต้องใช้กัญชารักษาผู้ป่วยได้ แต่จะมาถึงจุดนั้น ต้องมีผลการศึกษายืนยันว่า กัญชามีประสิทธิภาพทางการแพทย์ เมื่อใช้แล้ว อาการต้องไม่ทรุด

Advertisement

“การวิจัยหาประสิทธิภาพของกัญชา สธ.มีโครงการกัญชา 1 ล้านขวด กำลังเร่งให้ภาครัฐผลิตกัญชามาใช้กับผู้ป่วยที่เข้าโครงการ ทั้งนี้ การปลูกต้องอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวดจากทางภาครัฐ เพื่อให้ผลผลิตมีคุณภาพ ซึ่งปลัด สธ.ยืนยันว่าทำได้ เพราะตัวเลข 1 ล้านขวด อาจจะมาก แต่จริงๆ แล้ว คือ 5 หมื่นลิตร คิดว่าไม่เกินกำลัง ระหว่างใช้กัญชารักษาโรคจะบันทึกผลการรักษาไว้ด้วย เมื่อผลการศึกษามาเป็นบวก สังคมยอมรับเรื่องกัญชาทางการแพทย์ คนไทยจะเปิดรับกัญชามากขึ้น มีความรู้มากขึ้น เรื่องกัญชา 6 ต้น จะเกิดเมื่อคนไทยมีวินัย และมีความรู้อย่างเหมาะสม ถ้าปล่อยเสรีไปตอนที่ยังไม่มีความรู้ แล้วเกิดพกพาน้ำมันกัญชาขณะเดินทางไปมาเลเซีย หรือสิงคโปร์ โดยที่ไม่รู้ว่ามีโทษถึงประหารชีวิต อะไรจะตามมา” นายอนุทิน กล่าวและว่า นโยบายกัญชาเป็นเรื่องใหม่ แม้จะเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ แต่ก็อ่อนไหวมาก มีทั้งคนเชียร์ และคนค้าน คนรู้ และคนไม่รู้ จำเป็นต้องเดินหน้าอย่างมีขั้นตอน ถ้าเกิดทำผิดพลาด นโยบายอาจจะล้มในที่สุด

นายอนุทิน กล่าวว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะมีการคืนสถานะของหมอพื้นบ้าน ที่เคยได้รับการรองรับมาก่อนหน้านี้ แต่ด้วยประกาศบางฉบับ ทำให้สถานะเหล่านั้นหายไป ล่าสุด มีการหารือเรื่องคืนสถานะให้คนที่เคยเป็นหมอพื้นบ้าน ต้องเอาใบรับรองจากนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) มายืนยัน ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ซ้ำซ้อน เลยสั่งการให้ต่ออายุทันที เพราะเป็นงานภายใต้ความรับผิดชอบของกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ทั้งนี้สัปดาห์หน้าจะทยอยรับรองสถานะของหมอพื้นบ้านให้สามารถจ่ายยาได้ต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image