“อนุทิน” ควง “หมอเลี๊ยบ” ถกบอร์ด สปสช.นัดแรก เล็งปรับเวลาพบหมอไม่เกิน 1 ชม. ถือใบสั่งไปรับยาที่ร้าน

เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) พร้อมด้วย นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการ สธ. และ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการ สธ. เข้าร่วมประชุมบอร์ด สปสช.ครั้งแรกหลังรับตำแหน่ง โดยมี นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัด สธ. และ นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ร่วมหารือด้วย

ทั้งนี้ ก่อนการประชุม นายอนุทิน กล่าวว่า ได้เชิญ นพ.สุรพงษ์ เป็นที่ปรึกษาในส่วนของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือบัตรทอง หรือโครงการ 30 บาทในอดีต เปรียบเสมือนเป็นประธานคณะทำงานของ สปสช. เนื่องจาก นพ.สุรพงษ์ เปรียบเหมือนคนทำคลอดโครงการ 30 บาท

“การที่ผมได้เชิญ นพ.สุรพงษ์ เปรียบเสมือนประธานคณะทำงานของ สปสช. เพราะผม และรัฐมนตรีช่วย ต้องมีภารกิจในหลายด้าน ซึ่งตอนนี้แม้แต่คนไข้ไม่มียา รถตกหลุม หมอดูแลไม่ดี ก็ได้เขียนข้อความร้องเรียนมายังเฟซบุ๊กส่วนตัว ก็มีทั้งชื่นชม ดุด่าว่ากล่าวในทุกรูปแบบ แต่ปัญหาทั้งหลายที่ประชาชนสะท้อนเข้ามาส่วนใหญ่เป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ สปสช. และความคาดหวังที่ต้องการจะได้รับบริการสุขภาพจากรัฐ โดยการจะบรรลุงานเป้าหมายของ สธ. มากกว่าครึ่งล้วนเกี่ยวข้องกับ สปสช. อย่างไรก็ตาม ตั้งใจให้ประชาชนได้รับการบริการรักษาพยาบาลได้อย่างที่ดีสุด” นายอนุทิน กล่าวและว่า เรื่องทั่วไปที่อยากจะเห็น คือ การพัฒนาห้องฉุกเฉิน เพิ่มมาตรฐานการดูแลผู้ป่วย

“เพราะคนไข้ไปโรงพยาบาลก็มักคิดว่าตนเองฉุกเฉิน ตรงนี้ต้องมีระบบคัดกรองว่า อันไหนฉุกเฉินที่สุด นอกจากนี้ ปัญหาสำคัญที่ต้องแก้ไข คือ การลดความแออัดของโรงพยาบาล ผมได้รับข้อมูลจากปลัด และ รองปลัด สธ. มาตลอดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงคิดว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนรอคิวไม่เกิน 1 ชั่วโมง โดยได้พบแพทย์ 10-15 นาที และไม่ต้องรอคิวรับยาที่โรงพยาบาล แต่สามารถกลับไปเบิกยาที่ร้านขายยาแถวบ้าน และโรงพยาบาลจ่ายค่ายาให้ร้านขายยา หากทำได้ก็จะลดจำนวนคนรอคิวได้” นายอนุทิน กล่าว

Advertisement


นายอนุทิน กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องที่เร่งดำเนินการคือ 1.การส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง แทนแนวคิดว่าจะป่วยเมื่อไหร่ก็ได้แล้วใช้บัตรทองรักษาฟรี 2.การใช้เครือข่าย อสม. มาผลักดันและระบบข้อมูลสุขภาพให้เชื่อมโยงกับฐานข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้กำชับให้มีการดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลให้เข้ากันทั้งระบบให้เร็วที่สุด 3.การพัฒนาห้องฉุกเฉินครั้งใหญ่ โดยการยกระดับมาตรฐาน เพิ่มประสิทธิภาพการดูแลผู้ป่วย รวมถึงเครื่องมือแพทย์และครุภัณฑ์ในทุกโรงพยาบาลให้ได้ภายใน 1 ปี และ 4.การกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำเพื่อลดความแออัดของผู้ป่วยในสถานพยาบาล ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหลายโรงพยาบาลเชื่อว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้

ด้าน นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า มีความพร้อมที่จะพัฒนาระบบสุขภาพให้ดีขึ้น เพราะพอมีความรู้อย่างบ้าง โดยแนวคิดเดิมที่คิดไว้ในอดีต จะมาสู่การแก้ปัญหาอุปสรรคในปัจจุบันได้ไม่ยาก จะพยายามนำข้อมูลที่มีอยู่ มาแลกเปลี่ยนเพื่อนำความรู้ไปสู่ผลที่ตั้งไว้

 

Advertisement

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image