วันที่ 8 สิงหาคม ที่โรงแรมเอเชีย แอร์พอร์ต นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวระหว่างบรรยายพิเศษเรื่อง การส่งเสริมสุขภาพและลดความแออัดในโรงพยาบาล ซึ่งมีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เข้าร่วมฟังกว่า 1,200 คน ว่า เชื่อว่า อสม.มีบทบาทอย่างมากในการช่วยให้ประเทศไทยเดินทางไปสู่ประเทศพัฒนาแล้วในอีก 20-30 ปี และทั้งหมดอยู่ที่การขับเคลื่อนนโยบายของทุกรัฐบาล สิ่งสำคัญวันนี้ คือ จะต้องมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้สนับสนุนงานด้านสาธารณสุขด้านต่างๆ
“ผมเป็นคนริเริ่มแนวคิดให้ อสม.เป็นผู้รับยาจากโรงพยาบาลเพื่อนำไปส่งต่อให้ผู้ป่วยในพื้นที่ ซึ่งย้ำว่าเป็นโรคง่ายๆ ไม่ซับซ้อน แทนการที่ต้องเสียเงินบริการจัดส่งของเอกชน ซึ่งจะเป็นการช่วยลดความแออัดของโรงพยาบาล และยกระดับความรู้ความสมารถของ อสม. แต่เรื่องนี้ต้องมีการประชุมเชิงปฏิบัติการ และหาวิธีที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม เรื่องเหล่านี้จำเป็นต้องมีการลงทุนเพิ่ม” นายสาธิต กล่าวและว่า ประเทศไม่ได้มีงบประมาณมากพอในการรักษาโรคที่มีมากมาย ดังนั้น สิ่งที่ให้ความสำคัญ คือ การส่งเสริมการออกกำลังกาย เพื่อส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค ลดการเจ็บป่วย ซึ่งขอให้ อสม.เป็นผู้นำในการออกกำลังกายแก่ประชาชนในพื้นที่ แต่ต้องเริ่มที่ตัวเองก่อน หากสามารถลดการเจ็บป่วยได้ บุคลากรทางการแพทย์ก็ทำงานน้อยลง ใช้งบน้อยลง เชื่อมั่นในศักยภาพของ อสม.ว่าสามารถทำเรื่องนี้ได้ เพราะมีพลังมากถึง 1,040,000 คน ถ้าไปตั้งพรรคการเมือง น่าจะได้ผู้แทนเกือบ 20 คน และสามารถทำให้เกิดนโยบายที่ขับเคลื่อนได้ แต่ อสม.ไม่ได้มาทำเรื่องนี้ แต่มาทำเรื่องสุขภาพ และทำมาตลอด
นายสาธิต กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม คนทำงานต้องได้ค่าตอบแทน แต่สิ่งที่คิดว่าใหญ่กว่านั้น คือ เรื่องสิทธิสวัสดิการ อสม. เช่น กองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์ ซึ่งเป็นเรื่องดีที่จะเป็นหลักประกันให้ตนเองและครอบครัว
“เรื่องนี้ผู้บริหารเป็นคนคิด แต่ท่านเป็นคนตัดสินใจ หากการหารือตกลงกันได้ ก็พร้อมสนับสนุน โดยยกร่างเป็นกฎหมายมารองรับ และเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการ สธ.ว่าเป็นเรื่องที่ควรสนับสนุน เพราะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง พรรคการเมืองที่มาจากประชาชน เสียงของประชาชนเป็นใหญ่ โจทย์ยากคือ เข้ามาเป็นผู้บริหารประเทศแล้ว ต้องดูทรัพยากรของประเทศในภาพรวมว่ามีแค่ไหน และจะใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร แต่ถ้าเป็นนักการเมืองที่คิดแค่หาเสียงเพื่อให้ได้คะแนนกลับไป ทำสิ่งที่เป็นภาระของประเทศก็ไม่ยั่งยืน แล้วแน่นอนที่สุดที่พรรคประชาธิปัตย์หาเสียงไว้กับ อสม.ก็ไม่เคยลืม พรรคประชาธิปัตย์เป็นคนสร้างและให้ค่าตอบแทน อสม.ครั้งแรก 600 บาท รัฐบาลที่แล้วมาต่อยอดเป็น 1,000 บาท แต่ที่พรรคปประชาธิปัตย์หาเสียงไว้ว่า จะเพิ่มค่าตอบแทนเป็น 1,200 บาท หรืออาจมากกว่านั้น โดย 200 บาท ที่เพิ่มมาเป็นเรื่องของกองทุน นอกจากนี้ ยังมีพรรคภูมิใจไทย ถ้าจำไม่ผิดตัวเลขที่จะเพิ่มอยู่ที่ 2,500 – 3,000 บาท พรรคพลังประชารัฐประมาณ 5,000 บาท พรรคเพื่อไทยก็พูดถึง นั่นหมายความว่า ทุกพรรคการเมืองเห็นความสำคัญของ อสม ดังนั้น แน่นอนที่สุด วันนี้พรรคร่วมรัฐบาลให้ความสำคัญและจะหยิบยกเรื่องนี้มาหารือถึงวิธีที่จะเพิ่มค่าตอบแทนให้ อสม.ตามภารกิจที่เพิ่มขึ้นตามโครงสร้างของ สธ. และให้เกิดประโยชน์กับประชาชนที่สุด แต่พรรคประชาธิปัตย์จะยืนที่ 1,200 บาท เชื่อเถอะว่า อสม.จะมีอะไรใหม่ๆ ภายใต้รัฐบาลชุดนี้
