กรมป่าไม้-ชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน.ยึดคืนป่าสงวนแห่งชาติ ‘ป่าสวนเมี่ยง’ กว่า372ไร่

เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน.นำโดย พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ ร่วมกับ ชุดปฏิบัติการพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ นำโดย นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา เปิดปฎิบัติการทวงคืนผืนป่าจากนายทุนที่บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าลุ่มน้ำวังทองฝั่งซ้าย และฝั่งขวา ป่าสงวนแห่งชาติป่าเนินเพิ่ม และป่าสงวนแห่งชาติ ป่าสวนเมี่ยง ในพื้นที่ อ.วังทอง อ.นครไทย และ อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก ต่อเนื่อง โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบบริเวณพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าสวนเมี่ยง ท้องที่บ้านตีนตก หมู่ที่ 13 ต.บ้านดง อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก มีกลุ่มนายทุนต่างถิ่น เข้ามากว้านซื้อที่ดินในเขตป่าสงวนฯ จำนวนหลายร้อยไร่ เพื่อทำการปลูกสวนยางพาราและปาล์มน้ำมัน จึงเข้าตรวจสอบบริเวณพื้นที่เป้าหมายพบว่ามีการปลูกยางพารา โดยมีบางส่วนยืนต้นตายปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง อ้อย และข้าวโพด เต็มพื้นที่ โดยพื้นที่อยู่ 2 ข้างทางสาย บ้านตีนตก-หนองขาหย่าง ซึ่งแบ่งพื้นที่เป็น 2 แปลง

เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบโดยใช้เครื่องมือตรวจวัดพิกัดจากสัญญาณดาวเทียม (GPS) โดยอ้างอิงหมุดหลักฐาน WGS 1984 Zone 47 หาค่าพิกัดของพื้นที่รอบแปลงที่ 1 มาคำนวณพื้นที่ได้ 257 – 2 – 64 ไร่ และแปลงที่ 2 คำนวณพื้นที่ได้ 114 – 3 – 36 ไร่ และเมื่อนำค่าพิกัดลงในแผนที่ภูมิประเทศ ปรากฏว่าอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าสวนเมี่ยง ตรวจสอบผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 30 มิถุนายน 2541 ปรากฏว่าบริเวณแปลงที่ 1 ตรวจสอบพบว่าทับซ้อนแปลงที่ดินของนางอิ้งจิต ชมพูพล ซึ่งได้สำรวจรังวัด และขึ้นทะเบียนไว้ จำนวนเนื้อที่ 70 – 1 – 75 ไร่ แต่จากการตรวจสอบสภาพปัจจุบัน ปรากฏว่าสภาพพื้นที่จริงมีลักษณะบุกรุกขยายเพิ่มเติม และจากการสอบถามนายจรัญ คณะใน ซึ่งเป็นผู้ทำกินในพื้นที่ข้างเคียงให้ถ้อยคำว่านางอิ้งจิต ได้ขายที่ดินให้กับ “ไร่ไตรสุวรรณ“ แล้ว และบริเวณพื้นที่ตรวจสอบทั้ง 2 แปลง เป็นพื้นที่ของไร่ไตรสุวรรณ สอดคล้องกับคำให้การของนายอำนาจ สุวรรณเกาะ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 13 ซึ่งให้ถ้อยคำในลักษณะเดียวกัน

Advertisement

จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพื้นที่กับภาพถ่ายทางอากาศปี 2545 ปรากฏว่าสภาพพื้นที่มีลักษณะเป็นพื้นที่ป่าบางส่วนและบางส่วนเป็นพื้นที่ ผ่านการบุกรกแผ้วถาง อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ เจ้าหน้าที่ดำเนินการ รวบรวมและตรวจสอบข้อมูล ได้ปรากฏผู้แสดงตนเป็นเจ้าของพื้นที่โดยใช้โทรศัพท์โทรติดต่อเจ้าหน้าที่ และแจ้งว่าบริเวณพื้นที่ตรวจสอบทั้งสองแปลงเป็นของ นางแสงดาว ปัญเศษ ซึ่งเป็นภรรยาของผู้แจ้ง และแจ้งว่าได้ซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวเมื่อประมาณ 10 ปี โดยพร้อมที่จะนำเอกสารไปยืนยัน ชี้แจง พร้อมทั้งเมื่อได้รับการนัดหมาย แต่ปัจจุบันตนเองและภรรยาทำงานอยู่ต่างพื้นที่จึงขอให้แจ้งนัดหมายล่วงหน้า

ต่อมาเจ้าหน้าที่ ได้ร่วมกันพิจารณาแล้วลงความเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการบุกรุกยึดถือ ครอบครองพื้นที่ป่าแปลงใหญ่เพื่อประโยชน์ส่วนตน อีกทั้งมีลักษณะเป็นการซื้อขายเปลี่ยนมือและบุกรุกขยายพื้นที่เพิ่มเติม ซึ่งไม่เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2541 และนโยบายรัฐที่เกี่ยวข้อง อันเป็นการกระทำผิดกฎหมาย จึงได้ทำการตรวจยึดพื้นที่พร้อมทั้งจัดทำบันทึกการตรวจยึด นำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรชาติตระการ ดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพื่อติดตามตัวนางแสงดาว และผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

Advertisement

นายนฤพนธ์ เปิดเผยว่า กรมป่าไม้ได้ตรวจยึดพื้นที่บุกรุก จำนวน 2 แปลง พื้นที่รวม 372 – 2 – 00 ไร่ คิดเป็นค่าเสียหายของรัฐ 25,420,922 บาท และภาพรวมจากการเปิดยุทธการฯ 5 วัน สามารถตรวจยึดพื้นที่บุกรุกป่าสงวนฯ จากนายทุนได้แล้วรวม 10 แปลง พื้นที่รวม 1,550 – 1 – 03 ไร่ ค่าเสียหายของรัฐเป็นเงินรวม ประมาณ 105,749,145.80 บาท

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image