สธ.เร่งจัดระบบบริการ ‘ผู้สูงวัย’ ลดติดบ้าน-เตียงแบบไร้รอยต่อ

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
(สธ.) พร้อมด้วย นพ.ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล รองปลัด สธ. เปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการระดับประเทศเพื่อพัฒนารูปแบบการบริการไร้รอยต่อในระยะกึ่งเฉียบพลันสำหรับผู้สูงอายุ พ.ศ.2562 (The National Conference under Thailand – Japan Cooperation Project on Seamless Health and Social Services Provision for Elderly Persons) เพื่อเผยแพร่ผลการดำเนินงานโครงการซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและญี่ปุ่นในการพัฒนาการจัดบริการแบบบูรณาการสำหรับผู้สูงอายุในพื้นที่นำร่อง โดยมี นายอาคิโอะ โคอิเดะ หัวหน้าที่ปรึกษาโครงการฯ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น (สถ.) กระทรวงมหาดไทย ตัวแทนจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) เข้าร่วม

นายสาธิต กล่าวว่า ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์ภายในปี 2573 โดยมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่าร้อยละ 20 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้ร่วมกันเตรียมระบบบริการรองรับ ทั้งสวัสดิการสังคม สิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำรงชีวิตประจำวัน และที่สำคัญคือ ต้องปรับรูปแบบบริการสุขภาพให้เหมาะสม เนื่องจากผู้สูงอายุมักเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรัง หรือทุพพลภาพ โดยประเทศไทยได้ลงนามความร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่นพัฒนาระบบบริการสำหรับผู้สูงอายุตั้งแต่ปี2551 ทำให้ได้ข้อเสนอเชิงนโยบายในการดูแลผู้สูงอายุในระยะยาว รูปแบบบริการที่มีประสิทธิผล และหลักสูตรการอบรมผู้ดูแลผู้สูงอายุ (Caregiver) และผู้จัดการดูแล (Care Manger) ล่าสุดมีการอบรมผู้จัดการดูแลแล้วกว่า 20,000 คนทั่วประเทศ

นายสาธิต กล่าวว่า ปัจจุบันได้ดำเนินงานต่อเนื่องเป็นโครงการที่ 3 ในการพัฒนาระบบบริการสำหรับผู้สูงอายุเชิงบูรณาการแบบไร้รอยต่อตั้งแต่สถานพยาบาลสู่ชุมชน ระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2561 – วันที่ 31 สิงหาคม 2565 ใน 8 จังหวัดนำร่อง คือ เชียงใหม่ ขอนแก่น นครราชสีมา นนทบุรี กรุงเทพมหานคร ชลบุรี สุราษฎร์ธานี และภูเก็ต โดยส่งต่อผู้สูงอายุกลุ่มโรคสำคัญ ได้แก่ โรคหลอดเลือดสมอง บาดเจ็บที่ไขสันหลัง โรคจากอุบัติเหตุ จากโรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูงไปฟื้นฟูสภาพในโรงพยาบาลชุมชนใกล้บ้านในระยะหลังภาวะวิกฤต (Intermediate care) เตรียมความพร้อมก่อนกลับบ้าน และติดตามดูแลต่อเนื่องที่บ้านโดย Care Manger, Caregiver ทีมหมอครอบครัว ป้องกันภาวะแทรกซ้อน ลดการติดบ้าน ติดเตียง และให้กลับมาช่วยเหลือตนเองได้มากที่สุด

Advertisement

“องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญยิ่งในการดำเนินงานให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลแบบบูรณาการทั้งด้านสุขภาพ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยมีกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินการ เพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุและครอบครัว” นายสาธิต กล่าว

ด้าน นพ.ประพนธ์ กล่าวว่า สธ., พม., สปสช., สถ. และไจก้า ได้ร่วมกันดำเนินการโครงการนี้ โดยในปีแรกสำรวจและศึกษาข้อมูลเพื่อจัดทำร่างรูปแบบแผนแม่บทการให้บริการ ปีที่ 2–4 ดำเนินงานในพื้นที่ ติดตามประเมินผลเป็นระยะ และปีที่ 5 สรุป นำเสนอผลการดำเนินงาน ในภาพรวมระดับประเทศและภูมิภาคอาเซียน จากการบูรณาการทุกภาคส่วน ผลลัพธ์ที่คาดหวังคือ รูปแบบบริการผู้สูงอายุในระยะหลังภาวะวิกฤตที่เหมาะสม มีคุณภาพและประสิทธิภาพ การพัฒนาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ และการจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายสำหรับรัฐบาลในการจัดบริการสำหรับผู้สูงอายุแบบไร้รอยต่อของประเทศ

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image